Love moves on
ขึ้นชื่อว่างานสังคม แน่นอนว่าคงหลีกเลี่ยงเรื่องการข่มกันทางฐานะไม่ได้
กลุ่มสุภาพบุรุษซึ่งสวมใส่ชุดสูทราคาแพงมักจะแยกหัวข้อย่อยเป็นหมวดๆในการสนทนา
ซึ่งนอกจากเรื่องหน้าที่การงาน
จะขาดไม่ได้เลยก็คือพวกงานอดิเรกที่ความจริงเหมือนเอาเงินไปละลายแม่น้ำ ส่วนกลุ่มคุณหญิงคุณนายก็จะชอบโชว์เพชรพลอยน้ำงามซึ่งวางพาดอยู่บนแผงคอ
อ่อ ต้องอย่าลืมที่บริเวณนิ้วกรีดกรายทั้งหลาย
ความวาววับช่างชวนให้รู้สึกแสบตา แล้วถ้ายิ่งสะท้อนกับแสงไฟจากแชนเดอเรียจะยิ่งบังเกิดประกายระยิบระยับเป็นคำนิยายของคำว่าราศีจับ
ที่จะหาอะไรมาดับความเจิดจ้าคงยาก นอกซะจากจะต้องเป็นแม่งานซะเองและสวยเด้งกว่าทุกคน
จนอายุอานามปาเข้าไปเลขสามแล้วแต่คนริเริ่มจัดงานก็ยังสวยสด ที่พูดคือหมายถึงคนที่เป็นของเจ้าร่างบางระหงทรวดทรงเว้าคอดชัดเจน
เห็นหญิงสาวหน้าเด็กแต่บอกเลยว่าลูกสองและต้องบอกอีกว่ามีสามีเป็นถึงอธิการบดีมหาลัยวิทยาที่มักจะถูกวิจารณ์ว่ายังดูอายุน้อยเกินไป
แต่คิมจงอินก็พิสูจน์ให้เห็นว่าวัยสามสิบต้นๆไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารการศึกษา
มันอยู่ที่ว่ามีความสามารถมากแค่ไหนและขอบอกตามตรงชายหนุ่มผิวสีแทนไม่เคยกลุ้มใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์
ซ้ำยังขอบคุณที่ผู้คนภายในงานยังคงให้ความสนใจกับชีวิตของตนเสมอ
แถมนอกจากจะหน้าตาหล่อเหลาเข้ากับชุดสูทสีเทาเขายังเป็นใจเย็นเห็นใครเจอใครก็หยุดพักแวะทักทาย
จงอินปล่อยให้คุณนายคิมไปสังสรรค์กับเพื่อนในแวดวงการกุศล ส่วนตนก็หันมาคุยเรื่องกีฬากอล์ฟกับเพื่อนฝูง
ร่างสูงร้อยแปดสิบกว่าอยู่ในท่วงท่าเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงขณะยิ้มเล็กยิ้มน้อยพอเป็นพิธีมีหัวเราะตามยามถูกชี้หน้าว่านายก็เป็นใช่มั้ย
ผู้ชายมีภรรยาจะพูดเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่บ่นเรื่องภรรยา
ซึ่งบางครั้งจงอินก็ส่ายหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยจนถูกเพื่อนค่อนขอดว่าอวยเมียรักเมียเกินไปกระทั่งชายหนุ่มยักไหล่ก็แล้วจะทำยังไงได้ในเมื่อคนมันรักไปแล้วจนเพื่อนในกลุ่มเริ่มแซวว่าบางทีอาจจะเป็นประเภทกลัวเมียจัด
ขณะจงอินก็ไม่ได้บอกปัดแถมยิ้มรับทำเหมือนว่ายอมรับกรายๆ
ก่อนจังหวะนั้นเองจะส่งสายตาหาภรรยาที่ดันหันกลับมามองพอดี
จงอินมีรอยยิ้มพิมพ์ใจเมื่อสุดท้ายคุณนายคิมกวักมือเรียกให้เข้าไปหา แล้วในยามที่วงแขนโอบกอดเอวคอดของคนเป็นแม่ของลูกไว้ก็ได้ยินเสียงกระซิบกลีบปากเคลือบลิปกอร์สตอดแถวใบหูบอกว่ามีคนอยากให้รู้จัก
“นี่คุณเสี่ยวลูฮานค่ะ เป็นผู้บริจาครายใหญ่ของงานเราในวันนี้” แม่งานหรือภรรยาอาสาเป็นผู้แนะนำทำมือผายให้สามีเห็นได้ง่ายว่าคนไหนคือเจ้าของชื่อเสียงเรียงนาม
ก่อนจะส่งสายตาให้สามีว่าจับมือสิคะเมื่อเจ้าของกระเป๋าหนักให้เกียรติยื่นมือมาหาเพื่อจะเช็คแฮนด์ก่อน
“ผมคิมจงอินครับ”
“คุณคิมจงอินที่เป็นอธิการบดีมหาลัยอินซองใช่มั้ยครับ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามน่ะหวานแต่ยังเทียบกับไม่ได้ใบหน้า
ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆแต่ขนตางอนกลับเป็นแผงบวกกับแก้วตาที่จะว่าสวยก็สวยจะว่าเศร้าก็เศร้าแต่เอาเป็นว่างดงามยามแย้มยิ้มด้วยริมฝีปากอิ่มเอิบตอนคนถูกถามพยักหน้า
“หน้าตาดีเหมือนที่คนเขาลือกันเลยนะครับ” ลูฮานกระชับมือที่เช็คแฮนด์กันก่อนชักกลับ
แล้วซึ่งนอกจากจะแอบทำให้จงอินแปลกใจที่พูดเหมือนไม่รู้จักตน
ผู้ชายร่างบางพอๆกับภรรยาของตนก็ดันเอื้อมวงแขนขึ้นโอบเอวหญิงสาวอายุน่าจะคราวเดียวกันซึ่งยืนเยื้องอยู่เคียงข้าง
“พอดีคุณลูฮานทำธุรกิจอยู่ที่จีนน่ะค่ะ”
ภรรยาเห็นหน้าสามีเหมือนสงสัยเลยแถลงไข
“แต่มีภรรยาเป็นคนเกาหลี
ต้องขอบคุณคุณเยริมเลยนะคะที่ช่วยขอให้คุณลูฮานมาร่วมงานด้วยจนได้”
“ขอบคุณอะไรกันคะ
ดิฉันมากกว่าที่ต้องขอบคุณที่คุณหญิงจัดงานดีๆแบบนี้ขึ้นมา” หลังจากเอ่ยชมกันไปมาก็พากันหัวเราะเสียงเบาดูจะเข้าขากันดีตามประสาผู้หญิงมีสามีดีพอให้อวดอ้าง
ก่อนสองสาวซึ่งสวมชุดหางปลาจะควงแขนกันออกไปสนทนาร่วมกับคุณหญิงท่านอื่น
ปล่อยให้สองสามียืนนิ่งอยู่กับที่
แล้วก็โชคดีที่มีบริกรเดินผ่านมา จงอินเลยคว้าแก้วไวน์ทรงสูง
ตั้งใจทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีขณะมีน้ำใจหยิบยื่นน้ำสีองุ่นอมม่วงให้คนต่างชาติอย่างลูฮานที่เอื้อมมือออกมารับจับแก่นแก้วใสจนมือไม้โดนกันแผ่วเบาแล้วไม่ลืมยิ้มมุมปากให้อีกคนเล็กน้อย
“คุณลูฮานทำธุรกิจอะไรอยู่เหรอครับ”
พอจิบไวน์ให้หายคอแห้งบ้างเหมือนกัน
อธิการบดีมหาลัยเลยได้โอกาสสอบถามทำเป็นเลิกคิ้วนิดๆ
ให้ดูมีจริตของความสงสัยใคร่อยากจะรู้
“ห้างสรรพสินค้าน่ะครับ แต่ไม่ใหญ่มากนักหรอก”
ลูฮานบอกอย่างถ่อมตัวกลัวจะเป็นการอวดเกินไป
ก่อนจะต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายทำสีหน้าสงสัยเมื่อชายตรงหน้ายังเอาแต่จ้องหน้า “ครับ?”
“คุณใช่คนที่ส่งเตียงนอนมาเป็นของขวัญวันแต่งงานของผมรึเปล่าครับ” จงอินถามยืดยาวเนื่องจากจำเคล้าเรื่องที่ภรรยาสาวสวยเคยเล่าเรื่องเจ้าของของขวัญที่ดูจะแปลกกว่าชาวบ้านให้ฟัง
“ฮ่าๆ ใช่ครับ ภรรยาผมเป็นคนต้นคิดน่ะ
เธอบอกว่าให้ในสิ่งที่ใช้ได้จริงคงจะดีกว่า” ลูฮานว่าเสียงใส
ขณะจงอินนึกขำก่อนทำการหยอดมุกลูกผู้ชายคงไม่อายกับเรื่องบนเตียงสักเท่าไหร่
“ใช้ได้จริงและใช้ได้ดีเลยล่ะครับ ได้มาตั้ง2คนแหนะ”
“ลูกสาวหรือลูกชายครับ” ถามไถ่ในจังหวะลอบใช้สายตาสอดส่องมองภรรยาก่อนลูฮานจะหันกลับมายิ้มหวานให้คนตรงหน้าพลางลดนัยน์ตามองลงคงจะอยากดูสไตล์การแต่งตัวล่ะมั้ง
“ลูกสาวทั้งสองคนเลยครับ” จงอินตอบอย่างสุภาพ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลท่ามกลางแขกเรื่อมากมายที่ยังร่ายล้อมรอบตัว
…หรือจะเรียกว่าระวังตัวในฐานะคนมีหน้ามีตาทางสังคม
“ดีจัง ผมเองก็อยากมีลูกสาวบ้างแต่ดันได้ลูกชายตัวดีมาซะนี่”
“อายุเท่าไหร่แล้วครับ”
ขยับแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วยิ้มเผื่อไปให้ภรรยาที่มองมาจากอีกฝาก
“ย่าง19ครับ
แกเรียนอยู่ที่มหาลัยคุณด้วยนะ” พอเป็นเรื่องลูกทีไรประกายตาของคนเป็นพ่ออย่างลูฮานจะสว่างวาบขึ้นทันตา
ดูมีความสุขกับการได้พูดถึงลูกรักซึ่งกำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการศึกษา “ปกติภรรยาผมจะอยู่ที่เกาหลีกับลูกครับ
มีแค่ผมที่บินไปๆมาๆระหว่างสองประเทศ”
“คงเหนื่อยแย่เลยนะครับ” จงอินแสดงความคิดเห็นอย่างห่วงใยขณะฝ่ายตรงข้ามเองก็ยกยิ้มรับ
ยิ้มน้อยๆตอบกลับยามช้อนนัยน์ตาน่าหลงใหลขึ้นมองอธิการบดี “ก็เพื่อคนที่เรารักนี่ครับ”
ลูฮานขยับยิ้มอีกนิดอย่างชอบกลจนคนสบตากลับยังเผลอหลุดยิ้มตาม “…ผมทำเพื่อเขาได้เสมอ” จงอินคิดว่าตนกำลังเจอคนเป็นพ่อที่ดีและช่างน่ายกย่อง
ต้องบอกด้วยว่ารู้สึกคุยได้ไม่มีเบื่อ
ดูเหลือเชื่อว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เพิ่งได้เจอะเจอกัน “เหนื่อยหน่อยแต่ก็มีความสุขใช่มั้ยครับ”
“มากครับ มีความสุขมากๆจริงๆ” สิ่งที่ลูฮานพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แล้วยิ่งได้คุยกันมากเท่าไหร่
จงอินก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมจนกลั้นอมยิ้มไม่อยู่ดูมีความสุขไปด้วยจนแอบเกินหน้าเกินตา
…มากกว่าธรรมดาค่อนข้างเอนไปหาทางพิเศษ
“คราวจริงผมก็เคยบินไปจีนเหมือนกันแต่ไม่ค่อยได้มีเวลาเดินเข้าห้างสักเท่าไหร่”
ท่าทีสบายอกสบายใจเหมือนเพื่อนฝูงเล่าเรื่องภายในครอบครัวให้ฟังยังคงปรากฏ “ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่แต่ในโรงแรม” แถมผ่อนคลายให้ตายก็ไม่เหมือนคนเพิ่งรู้จักกัน
ขณะตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อธิการบดีขยับก้าวเข้าใกล้ลูฮานแค่เอื้อม “ไว้ถ้าไปจีนอีกผมจะไปใช้บริการบ้างแล้วกันนะครับ”
“ได้เสมอครับ” พยักหน้าพลางตกปากรับคำ “ผมยินดีให้บริการ”
เรียกว่าค่อยข้างถือวิสาสะแต่ว่าเพราะหวังดีล้วนๆลูฮานเลยด่วนตัดสินใจใช้ปลายนิ้วปัดรอยฝุ่นบนปกเสื้อเชิ้ต
“มันเลอะน่ะครับ”
ช่วยปัดปกเสื้อชายตรงหน้าแค่ผิวเผินก่อนจะกลับไปยืนเช่นเก่าในยามภรรยาเดินกลับเข้ามาหาอ้อมแขน
ก่อนคุณนายลู่จะมีการขอตัวคนรักกับท่านอธิการบดีบอกว่ามีคนอยากให้สามีรู้จัก
จงอินจึงพยักหน้าว่าย่อมได้และเป็นฝ่ายนิ่งอยู่กับที่มีแค่สายตาที่ทอดตามไป
ชายหนุ่มยิ้ม …และใช่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูมีลบลมคมใน
มือกร้านคว้าแก้วไวน์อีกแก้วมาดื่มเพื่อดับกระหายและโอบรับเมื่อภรรยาสาวสวยยักย้ายสะโพกเดินตรงเข้ามา
ระหว่างนั้นอธิการบดีไม่ลืมถามว่าคนดีเหนื่อยรึเปล่า
ส่วนสาววัยสามสิบกว่าก็ส่ายหน้าแล้วเอียงแก้มแนบชิด
คิดโชว์ความหวานในที่รโหฐาน
ผลัดกันหัวเราะผลัดกันยิ้มให้
ส่วนมากฝ่ายชายจะเป็นผู้ฟังขณะฝ่ายหญิงยังสนุกสนานกับการได้เล่าเรื่องมากมายท่ามกลางการตกเป็นเป้าสายตา
ก็อย่างว่าเป็นถึงคู่รักคนดัง ไม่แปลกที่จะมีคนมองหาอย่างสนอกสนใจ …และลูฮานเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
อาจจะให้ความสนใจคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปมากกว่าสายตาคนทั้งงานร่วมกันซะอีกและก็ยังรู้จักหลีกเลี่ยงเมื่อภรรยาถามว่าคุณมองอะไร
ชายหนุ่มร่างบางจะแค่ส่ายหน้าแล้วถามหาถึงเรื่องที่สงสัยล้วนเป็นเรื่องภายในครอบครัวขณะมีอีกครอบครัวนักธุรกิจเข้ามาร่วมพูดคุยผสมลงโรง
กระทั่งคงถึงเวลาอันเป็นเกียรติ
ฤกษ์งามยามดีรวมถึงมีการเต้นรำเปิดฟอล์
พิธีกรขอให้คู่ของแม่งานกับคู่ของท่านที่บริจาคเงินหนักร่วมให้เกียรติเปิดงานประกาศผ่านไมค์
เป็นเหตุให้ลูฮานส่ายหน้าน้อยๆค่อยๆแย้มยิ้มราวกับเขินอาย
จะเป็นฝ่ายภรรยาที่ดูกล้ามากกว่าและพยายามพาสามีออกมายืนกลางพื้นกระดานไม้
ฝ่ายหญิงระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อดนตรีคลาสสิกดังขึ้นจนสุดท้ายความมีชีวิตชีวานั่นก็ทำให้คนยืนเก้ๆกังๆยอมขยับตามประสงค์
งัดวิชาลีลาศที่จำได้ว่าก้าวสามถอยสามก่อนลูฮานจะทำผิดพลาดด้วยการเหยียบรองเท้าภรรยาและเผลอทำสีหน้าวิตกกังวลจนหญิงสาวต้องเปลี่ยนท่วงท่าเป็นคล้องคอกระซิบบอกพอให้ได้ยินกันสองคนว่าไม่เป็นอะไรแล้วใช้ปลายจมูกหอมแก้มสามีแผ่วเบาหอมเข้าที่แก้มซ้าย
คนสองคนชายตามองกันอย่างมีความหมายท่ามกลางแสงไฟสีส้ม
…ไม่ต่างจากอีกคู่ที่จมอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
ภรรยาซบหน้าที่แผงอกกว้างระหว่างสามีซบแก้มกับกลุ่มผมสลวย
ท่านอธิการบดีผู้ชายอวยภรรยาหลับตาดื่มด่ำกับเสียงไวโอรีนแล้วลืมขึ้นใหม่อย่างช้าๆจนปะทะเข้ากับดวงตากลมของสามีของอีกคู่รักซึ่งเคลื่อนย้ายชักช้าผ่านเข้ามาให้เห็นชัดเจนและดูท่าจะกำลังผ่านไป
ลูฮานกำลังจะจากไปพร้อมรอยยิ้มละไมที่ส่งให้อย่างเปิดเผย
เป็นรอยยิ้มที่จงอินรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดและการยิ้มกลับก็ไม่ใช่แค่พอเป็นพิธี
มันมีแววของความเจ้าชู้ดูเป็นอีกคนที่แตกต่างออกไป สงสัยเพราะจังหวะดนตรีส่งให้ทุกอย่างยิ่งดูเป็นใจ
ไม่แปลกที่จะทำสายตาคล้ายเกี้ยวพาราศีที่เหมือนจะแอบส่งไปให้ผิดคนแถมยังลับหลังภรรยา
ไหนลองกลับมาทบทวนเนื้อหากันสักหน่อยซิมีตรงไหนรึเปล่าที่เราพลาดไป
…หรือจะไม่ใช่อย่างที่อ่านมา
หากว่ากำลังถูกหลอกด้วยบทสนทนาที่ช่างดูปกติ
มีประโยคไหนรึเปล่าที่อ่านแล้วเข้าใจได้หลายความหมาย ‘ผมทำเพื่อเขาได้เสมอ…’ เขาที่ว่าหมายถึงลูกชายหรือเขาไหนกันแน่
หรือจะเป็นเขาที่ส่งสายตามองมาเหมือนจะกลืนกินหรือจะเป็นคิมจงอินที่ยิ้มหวานหยดจนตนอดเขินอายแทบไม่ได้ขณะเลือดในกายมันชักระอุ
ยิ่งได้มองดูอีกคนแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
ลำคอของลูฮานก็ยิ่งแห้งผากยากที่จะไม่รู้สึกตรงบริเวณขาหนีบเหมือนถูกบีบเฟ้นด้วยฝ่ามือที่มองไม่เห็น
แล้วที่เห็นก็จะมีแต่ภาพวันวานย้อนเข้ามาในโสตประสาท
แค่สักสองวันได้มั้ยที่กกกอดกัน… ไม่ได้หมายถึงภรรยากับลูฮาน แต่หมายถึงลูฮานกับผัวชาวบ้านที่ยืนห่างออกไปแค่ไม่กี่วา
ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่นะ…จะบอกว่านี่คือการเฉลยอย่างเบ็ดเสร็จ
เสี่ยวลูฮานผู้มีภรรยาแล้วแถมลูกชายอีกหนึ่งเป็นชู้กับคิมจงอินอธิการบดีซึ่งมีลูกสาวถึงสองคน
จนย่างเข้าปีที่สองได้แล้วมั้งที่ผู้ชายลูกหนึ่งอย่างร่างบางบินกลับไปมาระหว่างสองประเทศ
จะว่าแวะมาทำธุระด้วยก็ใช่ให้เวลากับครอบครัวไม่เคยขาดและในยามมีเวลาพักเบอร์มีจึงโทรนัดอีกคนออกมาเจอกัน
นัดออกมาจอยเวลาร่วมกันและคงไม่ใช่แค่นั่งกินข้าวเอาช้อนส้อมเข้าปาก
อย่างอื่นต่างหากที่เข้าแล้วออก อวัยวะคล้ายทรงกระบอกมักจะผลุบเข้าผลุบออกตรงบริเวณขอบริมฝีปากอิ่ม
แทนที่จะได้ลิ้มรสเปรี้ยวหวานมันเค็มของอาหาร
ความจริงคือน้ำสีขาวขุ่นที่ยืดยานหยดใส่ลิ้น
ที่กินกันเข้าไปน่ะดูท่าจะมีแต่เนื้อสดของสัตว์ใหญ่
ซุกไซร้กันไปแลกลิ้นกันมาจนหัวเตียงชนฝาผนังดังกึกและกึกซ้ำๆทำกิริยาไม่เกรงใจห้องข้างเคียงจนฟูกเตียงโยกตามจังหวะ
โรงแรมห้าดาวน่ะลืมไปได้เลย
โมเตลข้างทางคือรังรักของแท้เป็นการป้องกันคนอื่นระแคะระคายเนื่องจากต่างฝ่ายต่างก็มีชื่อเสียงให้รักษา
อีกอย่างคงเพราะว่าชอบฟังเสียงสปริงของเตียงเก่าเด้งเอี๊ยดอ๊าด
แต่อาจจะไม่เด้งสู้เท่าเนื้อก้นซึ่งโดนกระแทกกระทันเป็นประจำยามทำท่วงท่าโปรดปราน
ลูฮานชอบคลานเป็นสัตว์สี่ขาขณะมีจงอินขึ้นขี่อย่างชำนิชำนาญก่อนการสมสู่อย่างเร้าร้อนจะดำเนินต่อไปไม่มีพัก
กระทั่งสุดท้ายน้ำเดินในที่สุดกาวสีขาวขุ่นไหลซึมตามรอยต่อที่ยังถูกอุดสนิท
คิดว่าครั้งเดียวคงน้อยเกินไป
ต่อให้เหนื่อยล้าจากการเดินทางสักแค่ไหน
เจ้าของห้างให้รอบที่สองกับท่านอธิการบดีได้เสมอและเผลอๆก็ต่อด้วยรอบสาม …เพราะความรักล้วนๆไง
รักทั้งๆที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง
แต่แล้วใครล่ะที่เป็นคนบัญญัติความหมายของคำว่าถูกต้อง
ลองมาลองเองดูสิแล้วจะรู้ว่ามันหอมหวานแค่ไหน …ตนกล้าเอาหัวเป็นประกันได้ว่าในยามอิงแอบแนบชิดหลังจากเสร็จกิจ
การได้นอนระยะประชิดหลังจากตกเป็นของกันและกันมันช่างมีความสุข
ไม่มีการลุกขึ้นไปทำความสะอาดระหว่างนอนกอดกันแล้วปล่อยให้คราบน้ำเหนียวเหนอะเป็นหลักฐาน
แค่เอาผ้าห่มมาพาดกลางตัวอย่างลวกๆ เผื่อมีกรณีฉุกเฉินจะได้สะบัดออกทันที
เผื่อมีอารมณ์ขึ้นมาจะได้ไม่ต้องแก้ผ้าให้เสียเวลาอีก …จงอินมักจะหยอดล้อด้วยถ้อยคำหยาบโลน
ถามว่าโดนจุดนั้นแล้วรู้สึกอย่างไร
เวลาตนสอดใส่น่ะเสียวสะท้านมากรึเปล่า
ก่อนลูฮานซึ่งใช้ปลายนิ้วเกาแผงอกกว้างเล่นจะตีฝ่ามือลงไปเบาๆ
แล้วอ๋อมแอ๋มว่าใครเขาถามกันตรงๆแบบนี้ คนสีหน้าอิดโรยมีท่าทีเขินอายที่ดูยังไงก็เป็นจริตร้ายมากมารยาขณะเคลื่อนตัวนอนหนุนท่อนแขนแข็งให้ยิ่งถนัดและหันหน้าเข้าหา
ริมฝีปากอิ่มอ้าก่อนงับเข้าที่ตุ๋มไตสีน้ำตาล
ลูฮานน่ะร้ายตาใสและไม่มีทางที่คิมจงอินจะปฏิเสธสัมผัส
ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างบางได้เป็นฝ่ายปรนนิบัติงัดวิชาขึ้นมาใช้ ให้สิทธิ์ในการโยกย้ายสะโพกเองได้อย่างเต็มที่ขณะมีการปรึกษาหารือเสียงกระเส่ากันไปพลางๆ
ร่างบางถามว่าไปกินอะไรต่อกันดีก็สีหน้าก็บิดเบี้ยวไปด้วย วิถีคนรวยจงอินรีบตอบว่าอยากกินอาหารอิตาลีขณะที่รับรู้ได้ว่าจังหวะยกก้นขึ้นลงของอีกคนชักถี่
เรียกว่าตะบี้ตะบันคนเคลื่อนสะโพกดันทุรังจนแก่นกายที่ค้างอยู่ในกายแทบหักกลาง
ร่างบางนั่งแช่ระหว่างเนื้อตัวสั่น
พักสักสิบวินาทีก่อนที่จะค่อยๆร่อนสะโพกอีกครั้งทำอย่างเชื่องช้า
เป็นการนวดผ่อนคลายไปในตัวมากกว่าขณะชายหนุ่มที่นอนข้างใต้ทำสีหน้ามีอารมณ์ร่วมแถมคำราม
จงอินส่งเสียงโทนต่ำพลางยกทั้งสองฝ่ามือขึ้นขย้ำหน้าอกร่างบาง
ก่อนเป็นฝ่ายรั้งต้นคอขาวลงมาและไม่ลืมยื่นปากเข้าหา
ให้สองริมฝีปากมาบรรจบกันตรงกลางทางลากลิ้นออกมาเลีย
กระทั่งเสียงเชียร์ทำให้ตื่นจากจินตนาการ… สงสัยประเด็นท่านอธิการบดีจูบเมียรักกลางงานการกุศลจงกลายเป็นหัวข้อข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์สังคมฉบับพรุ่งนี้
หรือบางทีอาจจะถูกคนในแวดวงเดียวกันล้อเลียนไปอีกนาน
…รวมถึงเสี่ยวลูฮานที่ส่งสายตาล้อเลียนคิมจงอินที่สามารถปรับสีหน้าได้ทันควัน
เขินอายแต่พองามตามประสาคนเป็นสามีระหว่างที่ปล่อยให้ภรรยาใช้ปลายนิ้วช่วยเช็ดคราบลิปสติกที่ติดมุมปากหลังจากจูบโชว์ทุกคนไป
จนอาศัยว่าได้พิธีกรช่วยพูดเข้าสู่ช่วงต่อไปท่านอธิการบดีกับภรรยาเลยรอดตัวได้อย่างหวุดหวิด
เปลี่ยนไปยืนประชิดแถวผนังห้องจัดงานเลี้ยงหลีกเลี่ยงแขกเรื่อแต่ก็ยังไม่วายโดนแซวเป็นครั้งคราว
ทำเอาสาวเจ้าเขินจนต้องรีบซบหน้ากับอกสามี ส่วนคนที่รับหน้าก็คือคิมจงอิน
“ดูท่าลูกคนที่สามคงจะอีกไม่นานสิน่ะครับ”
ประโยคแซวหมั่นแวะเวียนมาแต่คงไม่น่าใจเท่าประโยคนี้
บางทีอาจจะเป็นเพราะคนพูดคือใคร ลูฮานยักมุมปากยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรู้กันและสื่อความหมายผ่านสายตาหยอกล้อ “ผมขอรับขวัญเด็กที่กำลังจะเกิดมาเลยได้มั้ยครับ”
“คุณลูฮานก็พูดเกินไปค่ะ จริงมั้ยคะจงอิน”
คุณนายคิมยิ้มเขินจนแก้มปริก่อนที่จะขอตัวออกไปเมื่อพนักงานฝ่ายดูแลสถานที่จัดเลี้ยงเข้ามากระซิบกระซาบ
ทิ้งให้เหลือกันแค่สามคนในบริเวณแต่ก็ไม่เป็นปัญหาใดๆในการพูดคุย
คุณนายลู่ดูจะสนใจเรื่องการศึกษาไม่น้อยคอยถามอธิการบดีคิมอย่างกระตือรือร้นจนกระทั่งได้ยินเสียงสามีร้องอุทานแผ่วเบา
สาวเจ้าจึงหันกลับมาและเห็นว่าเสื้อสูทสามีเลอะน้ำสีม่วงพอดิบพอดี “คุณคะ”
“ไม่เป็นไร ผมว่าจะไปห้องน้ำสักหน่อย” จะโทษใครได้เพราะทำน้ำเลอะเครื่องแต่งกายเอง
ดังนั้นหลังจากออกตัวว่าจะไปห้องน้ำ ลูฮานก็แค่กำชับให้ภรรยารออยู่ในงานอย่าไปไหน
จะหายไปไม่นานแล้วรีบกลับมาแน่นอน …ตอนจะไปก็ไม่ลืมฝากคิมจงอินช่วยดูแล
“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” เผอิญว่าคุณนายลู่เห็นหลังเพื่อนสาวเดินอยู่ในงานไวๆและถ้าจะให้ยืนคุยกับชายอื่นสองต่อสอง
สู้ลองเดินไปหาเพื่อนที่เป็นเพศเดียวกันคงน่าจะดีกว่า
“ตามสบายครับ”
เพราะไม่มีเหตุผลให้ต้องรั้งจงอินจึงตอบรับอย่างยิ้มแย้ม
ก่อนจะออกเดินอย่างสง่าผาเผยไม่เคยปกปิดว่าจะไปไหน
จะเรียกว่าแอบเดินออกมาจากงานคงไม่ใช่ ก็แค่เดินผ่านประตูไม้บานใหญ่อย่างนิ่งสงบและบังเอิญพบกับเสี่ยวลูฮานที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำสภาพเสื้อสูทเปียกเล็กๆพลางเอ่ยปากถาม “กำลังจะไปไหนเหรอครับ”
“ที่รถน่ะครับ เผอิญว่าผมลืมโทรศัพท์ไว้ในนั้น”
จงอินหยุดยืนสนทนาที่หน้าลิฟต์ซึ่งเยื้องกับทางเข้าห้องน้ำชายก่อนจะเผลอยิ้มเมื่อชายร่างบางตั้งคำถามอีกครั้ง “ให้ผมไปเป็นเพื่อนมั้ยครับ”
อธิการบดีขยับเดินไปทางขวาเมื่อประตูลิฟต์เปิดอ้ากว้าง
เท่านั้นก็เหมือนเป็นสัญลักษณ์เชิญชวนให้อีกคนเดินเข้าไปก่อนกรายๆ
ไม่ต้องตอบให้เสียน้ำลายลูฮานก็เข้าใจและขยับตัวทันที
แล้วตอนอยู่ในลิฟต์ก็แทบจะไม่มีการถามไถ่
เพียงคำถามเดียวที่ชายร่างบางสนใจก็คือ
‘ไม่มีคนขับรถมาด้วยเหรอครับ’
‘วันนี้ผมขับมาเอง’
เลยเรียกได้ว่าทางสะดวก
สมบูรณ์แบบแทบจะไม่ต้องกังวลกับความสงสัยใคร่รู้ของใคร
ภายในลานจอดรถของทางโรงแรมซึ่งเงียบสงบจะพบไฟสว่างเป็นจุดๆ
ชุดสูทที่สวมแล้วเป็นผู้ดียังมีอยู่บนร่างเกือบจะครบ
แต่เพื่อกันการเลอะคราบไม่พึ่งประสงค์คงต้องต่างฝ่ายต่างถอดกางเกง
จะได้สะดวกในการละเลงรักเบาะหนังด้านหลังคนขับถูกจับจองด้วยสองร่างที่อดรนทนมานาน
อยู่ในงานด้านบนน่ะก็แค่การแสดง พอถูกแสงสีก็ต้องทำตัวเป็นคนดีมียิ้มให้กันตามอัธยาศัย
แต่ตั้งแต่เข้ามาภายในรถแทบจะยังไม่ได้ยิ้มให้กันเลยสักนิด
คิดแต่ว่าจะบริหารเวลาอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลูฮานมุดหว่างขายาวก่อนจะใช้ปากสาวแก่นกายที่ค่อยๆขยายกลายเป็นโตและคับเต็มที่ในโพลงปาก
ยากจะขยับจนต้องเปลี่ยนจากใช้ปากงับเป็นแค่เล็มก่อนเต็มใจกลืนน้ำสีขาวซึ่งซึมตรงส่วนปลายขณะใช้เกลียวลิ้นแลบเลียจากล่างขึ้นบน
ร่างบางไม่ลืมช้อนสายตามองคนที่จ้องอยู่ก่อนอย่างออดอ้อนและตอนที่รับรู้ว่าอีกคนเกือบจะถึงฝั่งฝัน
ลูฮานจึงได้รีบถอนริมฝีปากออกแล้วก้าวขาซ้ายพาดวาดผ่านตักแข็ง แต่ยังไม่ได้ลงแรงนั่งเต็มร้อย
ก้นงอนลอยอยู่ในอากาศระหว่างเอามือควานหาของแข็งที่แรกๆเหมือนจะขยายใหญ่ไปจนติดขัดแต่สุดท้ายพอพยายามก็สามารถยัดเข้ากลางหว่างขาได้สำเร็จ
ยังเป็นลูฮานที่ค่อยๆถดก้นนวลเนียนลงนาบกับหน้าตัก
อย่างกับเป็นพวกโรคจิตที่รู้สึกดีเวลาที่ความบวมเปล่งของชายหนุ่มแตกภายใน
ไหล่แคบกระตุกเล็กน้อยยามที่ช่องทางตื่นเต้นโดนฝอยน้ำกามกระเด็นใส่ ความเหนียวกระเซ็นเป็นผลให้เกิดความหล่อลื่นตอนจงอินยื่นมือคว้าเอวร่างบางไว้ทั้งสองมืออย่างแน่นหนาและพาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใช้กำลังแขนยกสะโพกตรงหน้า
ท่านอธิการบดีนั่งเป็นฐานที่อ้าขาขณะคนเป็นเจ้าของห้างนั่งหันหน้าออกและพอได้ลองขยับจนความแอดอัดเริ่มเข้าที่เข้าทาง
รองเท้าหนังของลูฮานเลยได้ว่างบนพรมเช็ดเท้าภายในรถส่วนตัวสักที แล้วทีนี้ก็ค่อยถนัดถนี่หน่อยจะเอาจังหวะเบาค่อยก็สามารถบังคับเองได้สบายๆ
ในชั่วโมงเร่งด่วนจวนจะได้เวลาต้องกลับขึ้นไปด้านบน
ต่างคนจึงต่างช่วยกันทำเวลาให้ทันจนบังเกิดความเมามันสั่นไปทั้งหน้าขา
คิมจงอินกัดฟันเกร็งจัดจนสักกรามขึ้นรูปขณะไล่จูบต้นคอขาวไม่หยุด
ส่วนเสี่ยวลูฮานก็เอาแต่พูดเหมือนคนกำลังสวดมนต์ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับเป็นประโยคไม่ได้
สัมผัสได้แค่ว่าหายใจหืดหอบแทบตายระหว่างใช้สองมือยืดเบาะนั่งด้านหน้าเป็นหลัก
สองสะโพกไม่มีการหยุดพักสักวินาทีเดียว
เทียวส่งเทียวรับตามประสาคนเคยเข้าขา ลูฮานบดขยี้เบียดเนื้อก้นลงมาอาศัยแรงโน้มถ่วงช่วยระหว่างจงอินก็ช่วยสวนสะโพกขึ้นพอดีมีกระแทกย้ำซ้ำๆทำเหมือนจะเอาให้ผนังภายในช่องทางบุบสลาย
เป็นฝ่ายเพิ่มทั้งความแรงและความรวดเร็ว
น่ากลัวว่าจะต้องปวดเอวในภายหลัง แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ดังนั้นท่านอธิการบดีจึงไม่คิดสนใจ ที่ให้ความสำคัญคือทำอย่างไรก็ได้ให้ความอึดอัดในตอนนี้ถูกรีดออกจนหมด
ชายหนุ่มอดเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่ได้เมื่อสัญชาติญาณเข้ามามีบทบาทและกลายเป็นใหญ่
มีอำนาจขนาดไม่ยอมฟังเสียงทัดท้านของลูฮานที่ครวญครางเสียงสูงราวกับจะขาดใจตาย
ฝ่ามือทั้งสองข้างนั่นจับเอวร่างบางไว้อย่างมั่นคงบังคับให้ตั้งตรง จงอินคงอยากแสดงฝีมือในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะเล่นใหญ่น่าดูขณะมีเสียงอู้อ้าคำรามต่ำเป็นคอรัสรับกับเสียงหนังสดกระทบหนัง
จนร่างบางขาสั่นมันกระเพื่อมไปทั้งตัวมัวแต่ส่งเสียงจนลืมว่าต้องห้าม
ซ้ำยังกลับลำทันทีมีขอความหยาบโลนเพิ่มเริ่มคิดว่าเป็นไงเป็นกัน
ยังไงซะรถคันนี้ก็อยู่ในมุมอับและโชคดีอีกชั้นที่มันถูกเสาบังแทบมิด แถมฟิล์มรถก็ติด
มิดชิดพอให้ทำเรื่องอย่างว่าใครจะว่าน่าไม่อายก็ช่างเขาเถอะ
ถ้าต้องเจอกับคดีแย่งสามีชาวบ้าน ลูฮานก็คิดว่าตัวเองพร้อม
ยอมขึ้นโรงขึ้นศาลถ้ามันจะแลกมากับความสุขชั่ววูบซึ่งวนลูบไม่มีหยุดอยู่อย่างนี้ ความสุขที่เหมือนบทเพลงซึ่งบรรเลงเรื่อยๆ
มีเอื่อยแต่ไม่น่าเบื่อ กลับกันมันช่างเร้าใจลักกินขโมยกินเป็นอะไรที่ช่างน่าตื่นเต้น
เห็นอยู่ว่าบาปแต่ถามว่ากลัวตกนรกมั้ยก็ไม่ เพราะกว่าจะตายจนตกนรก ตนก็ได้ไปชมสวรรค์ก่อนตั้งหลายที
มันมีแต่ได้กับได้… คิมจงอินเองก็คิดเช่นนั้น มันสนุก ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
ยิ่งถ้ามีคู่ขาที่พร้อมจะเข้าใจความเป็นไปของตนจนรู้กระทั่งว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร
คนบนตักไม่เคยมีปริปากบ่นสักคำยามตนหลั่งภายในอีกสักกี่หนอัดฉีดของเหลวเข้าก้นจนไหลทะลักล้นย้อยลงมาตามความยาวของแก่นกาย
แต่นี่ถ้าเป็นภรรยารายนั้นพอหว่างขาขาวเลอะเข้าหน่อยก็จะแอบหงุดหงิด รักกันมากมายแต่พอเสร็จกิจก็แยกย้ายไปนอนกันคนละฝั่ง
หลังจากหลั่งภายในก็ไม่เคยได้มีการรอเวลาให้อาการตอดรัดคลายตัวร่วมกัน
มันสนิทแต่ก็ห่างเหินไม่เกินเยียวยาแต่พอมีเสี่ยวลูฮานเข้ามาในชีวิตก็สามารถทดแทนในสิ่งที่ทำกับภรรยาไม่ได้
อย่างน้อยภรรยาก็ไม่ใจกล้าพอจะฉีกแข็งฉีกขาดาหน้าเข้าหาตนก่อน
จงอินเพิ่งค้นพบว่าคนประเภทที่ชื่นชอบคือพวกใจกล้าหน้าหนาสิดีเวลามีอะไรจะได้พูดกันตรงๆไม่ต้องอ้อมคงอ้อมค้อม
อีกอย่างก็ชอบคนที่คอยปรนนิบัติการที่ลูฮานลดตัวลงนั่งตรงหว่างขาก่อนลิ้นยาไปทั่วบริเวณแก่นกาย
การที่ร่างบางตั้งใจจะช่วยทำความสะอาดช่วยเพิ่มคะแนนความพิศวาสขึ้นเป็นโข
กระทั่งมีเบอร์โทรเข้า ลูฮานควักเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านในขณะยังใช้ลิ้นกินน้ำกาม
ทำเสียงน่ากลัวยามซดแล้วรีบค่อยกลืนลงคอ พอได้ยินเสียงใสจากปลายสายก็กรอกเสียงหวานใสตอบกลับทำทักทายภรรยาตามปกติ “ครับ พอดีผมลงมาสูดอากาศข้างล่างน่ะ”
ลูฮานเอ่ยด้วยโทนน้ำเสียงเป็นปกติ ไม่มีตื่นเต้นหรือตระหนกตกใจ
ฟังแล้วรู้สึกเหมือนสบายใจมาก ปราศจากความรู้สึกผิดจนบางทีก็ยิ่งดูน่ากลัว “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมกลับขึ้นไป”
‘รีบขึ้นมานะคะ ใกล้ถึงคิวคุณขึ้นพูดบนเวทีแล้ว’
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบขึ้นไป” ฝ่ายสามีรับคำก่อนทำเซอร์ไพรส์เล็กๆ “ที่รัก ผมรักคุณนะ”
‘อะไรของคุณคะ ฮ่าๆ …ฉันก็รักคุณค่ะ’ แม้จะงวยงงแต่น้ำเสียงมีความสุขก็ตอบกลับมาแล้วชิงตัดสาย
เธอไม่เคยเอะใจว่าในขณะที่สามีกำลังรอฟังประโยคบอกรักจากเธอ ...สามีของเธอกำลังส่งสายตาให้ชายอื่นพลางใช้ลิ้นลื่นช่วยทำจนน้ำกามปริ่มอีกรอบ
ดูดปากจนแก้มตอบก่อนคลายออกอย่างมีจริต
ลูฮานแลบลิ้นกินน้ำในส่วนที่เลอะรอบขอบปากขณะย้ายขึ้นมานั่งบนตักแข็งอีกรอบ แถมมอบจูบดูดดื่มเป็นของสมนาคุณหลังจากเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเสื้อไว้อย่างเก่า
แล้วท่าทางขี้ออดอ้อนของร่างบางก็ทำเอาคิมจงอินหัวเราะขบขันโชว์ฟันด้วยการแสยะยิ้มเล็กๆ
ความตลกมันสั่งสมตั้งแต่อีกคนบอกรักปลายสายแต่ดันใช้ลิ้นช่วยตน
จนอดที่จะมองดวงหน้าด้วยสายตาเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ไม่ได้
“คุณพูดว่าผมรักคุณเนี่ยนะ” ท่านอธิการบดีทวนประโยคราวกับไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ระหว่างกอดเอวคอดไว้หลวมๆแล้วจูบปากคนที่ก้มหน้าลงมาดังจ๊วบแรงๆก่อนจะผละจากกัน
“ผมรักภรรยาตัวเองนะ” ลูฮานพูดนัยน์ตาใสซื่อพลางเอามือลูบลำคอแกร่งเล่นไปมา
ร่างบางหน้านิ่งแต่แววตากำลังยิ้มยิงฟันกว้าง “…แต่ผมรักคุณกับลีลาของคุณมากกว่า”
***ตุ๊กติ๊กทอร์ค
แต่งสเปไคลู่ขึ้นมาเนื่องในวาระวันเกิดเพื่อนซึ่งเป็นสาวกคู่นี้ แต่จะเก็บไว้ให้นางอ่านคนเดียวก็ดีจะใจร้ายไปหน่อยเลยมาปล่อยให้ทุกคนที่ชอบคู่นี้ได้อ่านกันด้วย มีความสุขแล้วใช่มั้ยอลิสศรี ฮี่ฮี่ รัก ♡
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น