ใครต่อใครชอบพูดกันว่า ‘สภาพอากาศเป็นเรื่องคาดเดาไม่ได้’ จนมาวันนี้หลายคนเพิ่งเข้าใจความหมาย
ทั้งที่กรมอุตุรายงานเสียดิบดีว่าปริมาณหิมะจะไม่เยอะมากไปกว่านี้
แต่สกีรีสอท์รก็ต้องปิดก่อนเวลาเพราะพายุหิมะถล่มและทำให้หลายอย่างจมอยู่ในเกล็ดละเอียดสีขาว
เจ้าหน้าที่ที่สังเกตลาดเลาอยู่ตลอดตัดสินใจประกาศให้นักท่องเที่ยวเข้าสู่ที่กำบัง
ให้เข้าหลบพักในตัวอาคารที่มีโซนอาหารและเครื่องดื่มอุ่น ๆ ติดกับโซนที่เช่าอุปกรณ์สกี
ขอความร่วมมือให้ช่วยรอจนกว่าทัศนวิสัยจะเป็นใจจนสามารถเคลื่อนกระเช้าลงไปส่งด้านล่างได้อีกครั้ง
ภายในพื้นที่ซึ่งกว้างพอบรรจุคนจำนวนมาก ๆ มีทุกเพศทุกวัยที่กำลังเดินหามุมส่วนตัว
ท่ามกลางเสียงจอแจมากมายยังมีอีกหลายชีวิตทยอยเดินเข้ามาด้านในซึ่งอบอุ่นกว่าข้างนอกหลายเท่านัก
…สำหรับร่างบางความรู้สึกมันต่างกันอย่างกับนรกกับสวรรค์
มือที่ยังสวมถุงมือรีบดึงผ้าปิดหน้าลงจนหายใจได้สะดวกและเต็มปอด
“หนาวจะตายชัก” ควันขาวลอดจากริมฝีปากที่ขยับบ่น คนตัวเล็กกว่าเดินตามผู้ชายตัวใหญ่ข้างหน้าเพื่อแสวงหามุมสงบ
เน้นย้ำว่าต้องห่างไกลจากสายตาเหยี่ยวกา เพราะคงไม่ดีแน่ถ้ามีใครรู้ว่าปาร์คชานยอลกับพยอนแบคฮยอนแห่งเอ็กโซติดพายุอยู่ที่นี่ด้วย
ส่วนเอ็มคิวกับแทอู เพื่อนร่วมทริปแยกตัวกลับไปก่อนตั้งแต่ตอนที่อากาศยังปกติดี
“เพราะนายนั่นแหละ ถ้าชวนไปวันอื่นก็คงไม่ต้องมาติดแหงกกันแบบนี้หรอก”
“แล้วใครบอกเองละว่าอยากเล่นสกี ฉันถึงพามา”
จังหวะต่างคนต่างหย่อนก้นนั่งบนเบาะหนังยาวที่ปลอดผู้คน “เถียงเหรอ” น้ำเสียงฉุนเฉียวถามกลับแถมทำท่าจะเอาถุงมือที่เพิ่งถอดฟาดคนข้าง
ๆ ซึ่งตั้งการ์ดเตรียมรับการโจมตี โชคยังดีที่แบคฮยอนสำนึกได้ในที่สุดว่าไม่ใช่ความผิดใคร
ชานยอลจึงไม่ต้องเจ็บตัวฟรี
“เดี๋ยวพายุมันก็หยุดเถอะ”
ใช่ว่าชอบใจที่ต้องติดแหงกอยู่ในที่สาธารณะเป็นเวลานาน
ๆ แต่เผอิญคนที่ติดด้วยกันดันเป็นร่างบาง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกลางฟู๊ดคอร์ท กลางทะเลทรายหรือเป็นเกาะร้างก็ยังไหว
ไม่ว่าที่ใดหรือเมื่อไหร่ ขอแค่ได้อยู่กับคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
“แล้วหยุดของนายน่ะเมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็เมื่อนั้นแหละ”
ข่มกันไปมาด้วยเสียงที่ดังกับดังกว่า
เวลาอยู่ด้วยกันหลังม่าน ความสัมพันธ์ก็ไม่ต่างจากคู่กัดที่ปรากฏตามสื่อสักเท่าไหร่
นอกจากเป็นไม้เบื่อไม้เมากันแล้ว ยังเป็นคู่จิ้นที่แฟนคลับจับคู่ให้
เห็นอยู่ด้วยกันทีไรเป็นต้องชงหนัก
ภาวนาให้รักกันมากกว่าแค่เป็นเพื่อนในชีวิตจริง
หลังจากถอดแว่นตา ผ้าปิดปาก หมวกไหมพรมและเสื้อกันหนาวตัวใหญ่เทอะทะวางเกลื้อนบนโต๊ะตรงหน้า
ชานยอลที่ใช้ฮูดคลุมศีรษะแทนก็เอนตัวพิงเสาก่อนจะควักโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเล่นสบายใจเฉิบ
ส่วนแบคฮยอนที่นั่งด้านนอก พอถอดหลายอย่างกองรวมกับของอีกคนเสร็จก็ใช้กำปั้นไล่ทุบท่อนขาที่ปวดจากการยืนเกร็งบนสกีบบอร์ดเป็นเวลานานระหว่างหันมองเพื่อนร่วมชะตากรรมที่พอจับโทรศัพท์ได้ก็ไม่สนอะไรอีกเป็นระยะ
ๆ
ถึงความจริงจะเหมือนให้ความสำคัญกับเกมเอ็กโซรันอย่างเดียว
แต่พอร่างบางเผินหน้ากลับไป นัยน์ตากลมโตก็แอบเหลียวมองคืนบ้างและแสงสว่างนวล ๆ ในนี้ก็พอทำให้ว่าข้างแก้มยุ้ยแดงตามประสาคนแพ้ง่าย
ความเย็นทำให้ผิวใสระคายเคืองไปหมดจนน่าเป็นห่วง
“หนาวเนอะ” นั่งเงียบอยู่ดี
ๆ เสียงทุ้มต่ำก็เปรยขึ้นจนแบคฮยอนหันหน้ามอง “เขยิบมานี่มา” ก่อนความข้องใจจะได้รับการเฉลยด้วยท่าทางตบพื้นที่ว่างข้าง
ๆ เรียกร่างบางที่เกิดเล่นตัว ส่ายหัวไม่เอาราวกับแง่งอนอยู่เนือง ๆ เรื่องอะไรจะยอมทำตามง่าย
ๆ
ทั้งที่รู้ว่าคนตัวใหญ่ใจน้อยไม่ชอบการถูกเมิน
แต่ก็เกิดอยากแกล้งขึ้นมา
สร้างความร้อนใจให้คนถูกปฏิเสธน่าดู “ฉันเป็นถึงตัวแทนพลังไฟเชียวนะ” แค่ชอบมั่นหน้าว่าตัวเองหล่ออย่างเดียวยังไม่พอ
ร่างบางหลุดหัวเราะเพราะประโยคโอ้อวดเกินจริง
“ตลกแล้ว นายเสกไฟได้ก็เพราะซีจีทั้งนั้น”
“แต่ฉันก็ยังมีอ้อมกอดอุ่น ๆ ให้นายนะ” บางครั้งแบคฮยอนก็เบื่อและเหม็นหน้าเจ้าของคำพูดเต็มแก่
ไม่ใช่แค่แฟนคลับหรอกที่หมั่นไส้ผู้ชายที่หยิบจับอะไรก็ทำได้ดีแทบทุกอย่าง
ร่างบางก็ขัดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจพูดได้ว่าเกลียด มันพูดได้ไม่เต็มปาก
เพราะคำว่ารักคำเดียวที่ขัดขวาง อีกอย่างชานยอลเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
ซ้ำร้ายยังดีมากในแง่ของการเอาใจใส่ รู้ว่าใครต้องการอะไร ต่อหน้ากล้องดูแลสมาชิกวงแค่ไหน
ลับหลังเพิ่มเป็นอีกหลายเท่า
“รู้ว่าหนาวหรอกน่า”
มือใหญ่คว้าท่อนแขนแล้วกระชากซะร่างเล็กกว่าปลิว
“ปล่อย …!” โลกของคนขัดขืนมืดไปชั่วขณะก่อนจะสว่างวาบทันตาเพราะแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังช่วยทำให้เห็นด้วยว่าคางเรียวปักอยู่กลางหว่างอกกว้าง
เป็นท่านั่งที่ผิดธรรมชาติ ขาดความสบายและคนเมื่อยสุดก็ไม่ใช่ใครนอกจากคนเอนกายอยู่ในอ้อมแขนหนา
“ปาร์คชานยอล ฉันบอกให้…”
“ชู่ว อยากให้คนอื่นรู้หรือไงว่าเราอยู่ที่นี่”
“แต่เอาเสื้อคลุมหัวกันสองคนแบบนี้ ดูไม่เด่นเลยเนอะ”
เหน็บด้วยน้ำเสียงสดใสแล้วรอยยิ้มหวานก็หายวับไปกับตา
เหลือแต่ใบหน้าตึง ๆ
ถึงไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นใคร แต่ก็ใช่ว่าจะหลุดจากสถานะเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนรอให้พายุผ่านไปก่อนไม่ไหวจนต้องแอบทำอะไรลับ
ๆ ล่อ ๆ ในที่สาธารณะ เชื่อเถอะว่าถ้าปลดเสื้อคลุมลงจากหัวเมื่อไหร่เตรียมเจอสายตาแปลก
ๆ มองมาได้เลย
แต่ก่อนที่จะลงเอยอย่างนั้น คิดว่ายังทันต่อการแก้ไข
แบคฮยอนพยายามหยัดกายขึ้นนั่งหลังตรงท่ามกลางการขัดขวาง อยากเป็นอิสระจนสู้ยิบตา แต่ในเมื่ออีกคนไม่อนุญาตก็ทำได้แค่ถอนหายใจราวกับเบื่อหน่ายเสียเต็มประดาและเปลี่ยนมาหาเรื่องชวนทะเลาะกลบเกลื่อนบรรยากาศชวนขัดเขิน “แล้วนี่นายบ้าหรือไง ไม่ใส่เสื้ออีกตัวเดี๋ยวก็ได้หนาวตายหรอก”
“เดี๋ยวก็ร้อนแล้ว”
แววตาเจ้าเล่ห์ที่เคยพบเห็นตามหนังตามโฆษณากำลังจ้องตาเหยื่อที่พอรู้ตัวถึงอันตราย
ก่อนจะยื่นปากจุ๊บอีกริมฝีปากอย่างไว ๆ แล้วผละใบหน้าออก
หลังจากโดนจุ๊บในช่วงเวลาสั้น ๆ แบคฮยอนก็เฝ้ามองสายตาเจ้าชู้จนทะลุปรุโปร่ง
…คงจริงที่ว่าแค่มองตาก็สามารถเข้าใจถึงความต้องการ
ไม่ใช่แค่เพื่อนกับเพื่อนเท่านั้นหรอกที่มีความสามารถนั้น คนเป็นแฟนกันก็ทำได้
“ร้อนเริ้นอะไร เพ้อเจ้อ” วันใดพูดดีด้วยขึ้นมาฟ้าคงผ่าตอนกลางวันแสก ๆ แน่
แต่ถึงจะชอบพูดจาไม่รื่นหูใส่กัน การปฏิบัติกลับเป็นเรื่องตรงข้าม
ทั้งคู่เป็นประเภทปากไม่ตรงกับใจ ฉากหน้าตบตีกันแทบตาย แต่ลับหลังหวานแค่ไหนมีแค่เขาสองคนเท่านั้นที่รู้
หากอยู่กันสองต่อสอง พ้นสายตาคนนอกเมื่อไหร่ จะมีคนหนึ่งดูดอีกฝ่ายเข้าหาตัวเองอย่างรวดเร็ว
เรียกว่าเป็นพลังวิเศษได้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่มันเกิดอีกครั้งแล้วในชั่ววินาที
ร่างบางจุ๊บคนตรงหน้าคืนเสียแนบแน่นแล้วยิ่งแหงนหน้าเพื่อขยับปากงับความหนานุ่ม
ประกบจูบค้างไว้ก่อนจะเขยื้อนริมฝีปากตอบกลับเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว
ชานยอลกำลังเก็บเล็กผสมน้อย ค่อย ๆ ตอดความหยุ่น
ดูดดุนทีละนิดเหมือนละเลียดกินลูกเชอร์รี่สักผล เลียรอบนอกจนหนำใจแล้วกัดในที่สุดเพื่อลิ้มรสชาติหวานล้ำ
ความหวานที่สัมผัสได้ตั้งแต่วินาทีที่แหยปลายลิ้น
ยิ่งกลืนกินยิ่งพบรสชาติใหม่ พบว่าแบคฮยอนซ่อนความเปรี้ยวเข็ดฟันไว้จากการตวัดลิ้นตอบอย่างรู้งาน
ช่างผิดกับวันแรกที่เคยได้ลักลอบจูบกัน ตอนนั้นต่างเหมือนเด็กไม่รู้ประสา
ลองผิดลองถูกหลายครั้งเพื่อสั่งสมวิชา จนมาวันนี้ถ้ามีการแข่งขันจูบมาราธอน
แน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชนะกับสถิติที่ไม่มีคู่ไหนเทียบได้
สงสัยความหมั่นใจเกินหน้าเกินตาจะถ่ายทอดทางน้ำลาย
ได้รับเชื้อมาเต็ม ๆ จนยิ่งทำให้เหมือนคนป่วย ความลับอีกอย่างที่ช่วยกันปิดบังสมาชิกวงที่เหลือไว้ก็คือพวกเขามีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ
อันเกิดจากการตกลงคบหาดูใจโดยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครอีกเช่นกัน
หลังโดนยุยงส่งเสริมวันแล้ววันเล่าจากแฟนคลับจนเกิดความหวั่นไหว
ชานยอลได้คำตอบว่าตัวเองมองตามร่างบางทำไม นั่นเพราะความน่ารักหาใช่เพราะมีแฟนคลับกำลังคอยจ้องมองอยู่อีกที
เหมือนอย่างที่แบคฮยอนเองก็ชอบแอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาชื่นชมผสมภาคภูมิใจ รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นความชอบพอและเกินขอบเขตแค่เพื่อนสนใจในตัวเพื่อน
จนเกิดการเลื่อนขั้นและเพราะเคมีที่ลงตัวกันจึงทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
วันที่ตกล่องปล่องชิ้น ทั้งสองคนรู้แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ถอนตัวหรือกลับใจ
รวมถึงห้ามนึกถึงคนอื่นหากอีกฝ่ายไม่อนุญาต พวกเขาเคารพต่อข้อปฏิบัตินั้นเสมอจนเจอปัญหาเข้า
วันทั้งวันเอาแต่เฝ้าคิดถึงกันโดยไม่มีที่สิ้นสุดและความโหยหานั้นเพิ่งยุติลงหลังจากได้จูบสมใจอยาก
ทั้งสองคนถอยริมฝีปากออกระหว่างมองตากันอย่างมีความหมาย
‘อารมณ์คนเราก็เป็นเรื่องคาดเดาไม่ได้เหมือนสภาพอากาศ’
วันหนึ่งคนเราแปรปรวนไม่รู้อารมณ์ต่อกี่อารมณ์ พอ ๆ กับที่ต้องข่มใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
พักหลังยิ่งหนักเลยสำหรับชานยอลผู้ซึ่งค้นพบปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันต่ำแต่ความโลภสูง
“แล้วค่าตอบแทนที่สอนเล่นสกีวันนี้ล่ะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบกระซาบ
แต่ความใกล้ชิดระยะเผาขนก็ทำให้มันดังจนร่างบางได้ยิน “แค่บอกแล้วก็ให้ลองปฏิบัติเอง
นั่นเรียกว่าสอนเหรอ” แบคฮยอนยอกย้อน “อีกอย่างนะ นายปล่อยให้ฉันล้มเพราะมัวแต่ถ่ายคลิปเก็บไว้ล้อ”
“เอาไว้อวดแฟนคลับต่างหาก” ร่างบางหรี่ตาจับผิดและไม่คิดเชื่อด้วยซ้ำ ท่าทีคลางแคลงใจทำเอาชานยอลต้องยิ่งพูดเสริม “ฉันกำลังจะทำให้หลาย ๆ
คนมีความสุขนะ”
“จากการแกล้งฉันเนี่ยนะ ไม่เห็นจะเข้าท่า”
“น่ารักออก” ชมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างเดียวก็ว่าแย่ “จริง ๆ นะ” ยิ่งแพ้เข้าไปใหญ่เมื่อเจอสายตาจริงจัง
จนชักไม่แน่ใจว่าระหว่างที่จูบกับเวลานี้
ตอนไหนหน้าแดงกว่ากัน “ปากหวานจริงนะ”
“ก็ถ้าไม่หวาน คนแถวนี้คงไม่จูบตอบเสียนานหรอก แล้วตกลงเรื่องของขวัญ…”
แบคฮยอนตัดปัญหาการโดนตื้อด้วยการรับปากง่าย
ๆ “ก็ได้ กลับจากนี่เมื่อไหร่เดี๋ยวฉันเลี้ยงเนื้อ”
“ไม่เอาเลี้ยงเนื้อ มันธรรมดาไป” ชานยอลย่นคิ้วราวกับขัดใจ ท่าประจำเวลาไม่ได้ดั่งที่ต้องการและร่างบางรู้ว่าข้อตกลงจะไม่มีวันบรรลุหากชายหนุ่มไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา
“ถ้างั้นจะเอาอะไร”
“เอานายได้ไหมล่ะ”
“ย๊า…” ถ้ารู้ว่าการตามใจจะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งนิสัยเสียก็คงไม่ทำตั้งแต่แรกหรอก
ถ้ามีใครสักคนบอกล่วงหน้าว่าแฟนหนุ่มเป็นพวกลามก วันนั้นก็คงไม่ยอมหลวมตัวให้กระทำชำเราเด็ดขาด
ลืมนึกว่าจะมีผลกับปัจจุบันและดูท่าวันนี้จะมีเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้ว “ไปห้องน้ำกัน”
ชานยอลกระตุกข้อมือขาวท่ามกลางเสียงปฏิเสธว่าไม่เอา
แบคฮยอนที่ตอนแรกอยากออกจากเสื้อคลุมกลายเป็นยื้อยุดผ้าไว้สุดแรงเกิดตอนชานยอลพยายามจะเปิด
ร่างบางยอมนั่งคลุมหัวไปตลอดที่พายุหิมะถล่ม ดีกว่าเดินตามร่างสูงใหญ่ไปพบกับเรื่องน่าหวาดเสียว
“ก็ฉันจะเอา” ลืมไปว่าเล่นอยู่กับคนเอาแต่ใจ หลังโผล่หัวออกจากผ้าได้ มือใหญ่จัดการรวบของที่กองบนโต๊ะมาถือ
ส่วนอีกมือฉุดต้นแขนร่างบางที่ยังอิดออดแถมโหวกเหวกโวยวาย จนกระทั่งเมื่อหลายสายตาเริ่มหันมาจับจ้อง
คนสองคนหันมองหน้ากันโดยอัตโนมัติแล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากตรงนั้นทันที
“นายว่าจะมีใครจำเราได้ไหม”
แบคฮยอนถามระหว่างเดินตามการจูงมือ
“ทั้งนายทั้งฉันไม่แต่งหน้า คงไม่มีใครจำได้หรอก” ชานยอลตอบขณะพาเดินไปตามทางที่เงียบเหงา “อีกอย่างนะ แบคฮยอนเอ็กโซน่ะมีคิ้วแต่นายไม่มีสักหน่อย”
“ย๊า”
เตรียมจะยกมือทุบแผ่นหลังกว้าง แต่ก็ต้องชะงักและเปลี่ยนมากอดร่างตัวเองแทนยามย่างเข้าห้องน้ำที่แน่นอนว่าไม่มีเครื่องทำความร้อน
แค่เจอลมอ่อน ๆ พัดผ่านหน้า ถึงกับขนลุกชัน
“ฉันหนาว กลับออกไปข้างนอกกันเถอะ”
รีบกระตุกมือถี่ ๆ ในขณะที่อีกคนกำลังเดินเช็กว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องน้ำด้วยไหม
ไล่เปิดประตูทุกบานจนกระทั่งมั่นใจว่าทางสะดวกจึงพาเหยื่อที่ล่อลวงมาได้เข้าห้องริมในสุดพลางหมุนประตูล็อกทันที
เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
“อากาศเย็นแบบนี้นายยังมีอารมณ์ได้อีกเหรอ”
“มีตลอดนั่นแหละเวลาอยู่กับนาย”
เกลียดความตรงไปตรงมาเสียจริง
ยิ่งพูดยิ่งทำให้คนฟังอาย แถมพาลใจอ่อนอย่างไม่มีเหตุผล
แค่คนตรงหน้าเดินเข้ามาสวมกอด แบคฮยอนที่ถูกดันชิดผนังก็อ้าแขนรับ “หนาวละสิ”
“หนาวสิ หนาวจนแข็งแล้วเนี่ย”
“ว้า ฉันละเชื่อนายเลยจริง ๆ”
“มีแต่คนคิดเรื่องเดียวกันเท่านั้นแหละที่เข้าใจความหมาย” กระซิบเหนือใบหูขาวและหัวเราะเบา
ๆ ปิดท้าย ทำเอาร่างบางอับอาย ต่อให้ปฏิเสธก็เห็นว่าจะไม่มีใครเชื่อ “แล้วนี่พูดเพราะ ๆ
กับฉันไม่เป็นหรือไง อย่าลืมสิว่าถ้าฉันไม่อนุญาต นายก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น”
มือเรียวจับข้อมือใหญ่ไว้ได้ทัน เป็นตอนก้านนิ้วยาวกำลังฉวยโอกาสแก้มัดปมกางเกงขายาวพอดิบพอดี
แต่แทนที่จะสลดเมื่อถูกจับได้ ชานยอลกลับแสยะยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ “พูดแบบนี้ทุกทีแล้วเป็นไง ใครนะชอบพูด ชานยอลอา ตรงนั้น …แรงอีก ชานยอล อะอ๊า อ้า”
“ย๊า” ผลักร่างกายหนาออกจากตัวเล็กน้อย
ร่างสูงใหญ่ถอยห่างนิดเดียวขณะเปลี่ยนเป็นใช้เท้าฝ่ามือกับผนัง
กักขังคนตัวเล็กกว่าอย่างกับฉากเวลาพระเอกนิยายจะเย้าแหยนางเอกที่ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือและท่าทางถือดีก็มลายสิ้นเมื่อเจอทั้งสายตาทั้งวาจาร้ายกาจซึ่งล้วนเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจ
“ขัดขืนไปก็เสียแรงเปล่าน่า” ระหว่างพูดไป
ปลายนิ้วยาวก็เกลี่ยกระหม่อมบางเล่นและ สัมผัสความเย็นบนหน้าแก้มเนียนด้วยปลายจมูกโด่ง
หวังว่าลมหายใจร้อน ๆ ที่เป่ารดผิวคงพอช่วยคลายหนาวได้ไม่มากก็น้อย ขณะมีน้ำเสียงค่อยแย้งแผ่วเบา “ก็ฉันหนาวหนิ”
“มีปล่องไฟหนึ่งทำให้นายหายหนาวได้นะ”
“ไปฝึกพูดจาลามกแบบนี้มาจากที่ไหน” ข้องใจจนปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ
“ถามเรื่องนั้นทำไม สนใจแค่ว่าฉันเอาไว้พูดกับใครดีกว่า” ใบหน้าสมส่วนลดลงเสมอกันก่อนจะหยอดคำหวานที่สื่อถึงความสำคัญของการมีอยู่ของร่างบาง
หากขาดไปก็คงต้องสวมหน้ากากเป็นคนอื่นอยู่ตลอดเวลา “นายก็รู้ว่าฉันเป็นตัวเองที่สุดเวลาอยู่กับนาย”
สีหน้าอ้อนทำแบคฮยอนไขว้เขว ตราชั่งค่อย ๆ เอียงเทไปทางคำว่ายินยอม
แม้ความจริงจะไม่ชอบสถานที่เอาเสียเลยแต่แย่กว่านี้ก็เคยมาแล้ว ร่างบางเชื่อว่าเจ้าของแววตาลึกลับคู่นี้จะมีวิธีเนรมิตที่นี่ให้กลายเป็นสรวงสวรรค์ “ถ้านี่คือแผนโน้มน้าวของนาย บอกเลยมันได้ผล”
มูลค่าของรางวัลที่คนพูดจาเข้าหูได้รับตีเป็นตัวเลขไม่ได้ นั่นคือร่างกายของแบคฮยอนที่ไม่จำเป็นต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนจนหมดสภาพก็สามารถทำให้ชานยอลร้อนรนแทบบ้า
แม้อากาศที่หนาวจะเป็นข้อจำกัดในการปลดอาภรณ์ ทั้งคู่ค้นพบว่าตอนมีเสื้อผ้าเหลืออยู่ร่างกายก็ทำให้เร้าใจไปอีกแบบ
เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันภายในห้องแคบ ๆ ก็ไพเราะเสนาะหูดีเหมือนกัน
บั้นท้ายกลมกลึงเพิ่งทิ้งน้ำหนักลงบนต้นขาหนาได้ไม่นาน
โดยที่ทั้งสองคนหันหน้าเผชิญกัน แบคฮยอนโอบไหล่กว้างไว้และเพิ่งกล้าหายใจหลังจากกลั้นเป็นพัก
ร่างบางกำลังจะบ้าตายกับความอึดอัด ชานยอลก็แสนทรมานกับการถูกตอดรัดและหายใจรุนแรงราวกับพวกหัวร้อน
ก่อนทั้งคู่จะใช้การจูบเป็นทางออกแทนการนั่งมองระหว่างรอร่างกายปรับตัว
นอกจากฟิกเกอร์ก็มีคนบนตักเนี่ยแหละที่ทำให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น
ที่น้องชายชอบตื่นตลอดเวลา สาเหตุก็มาจากคนเดิมที่เริ่มเคลื่อนสะโพกพลางยกตัวขึ้นลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยได้สองฝ่ามือใหญ่ประคองรองใต้แก้มก้น ช่วยเหลือทั้งที่ยังบดจูบริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม
ต่างคนต่างลืมว่าที่นี่ไม่ใช่หอพัก เผลอครางอืออึง แต่ไม่ถึงกับดังเท่าเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
เมื่อน้ำหล่อลื่นจากส่วนปลายช่วยทำให้ช่องทางคับแคบหายฝืด ร่างบางที่กระดกก้นขึ้นและลงได้คล้องกว่าตอนแรกก็ออกวาดลวดลาย
บดเนื้อก้นกับต้นขาแข็งแล้วค่อยออกแรงขย่มช่วงสั้น ๆ ทำสลับกันไปมาขณะเฝ้ามองสีหน้าของคนรักที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
ชานยอลรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัว ไม่ใช่แค่ท่วงท่า แววตายังยั่วยวนจนแทบคลุ้มคลั่ง
จากช่วยประคองสองมือก็หยุด ฝ่ามือกำลังเฟ้นเนื้อนิ่มบีบจนปลิ้นตามง่ามนิ้ว ปรากฏริ้วแดง
แบคฮยอนควรรับรู้รสชาติของความเจ็บปวดเสียบ้าง จะจากใครถ้าไม่ใช่ฝีมือคนนั่งบนชักโครก
“ฮา…” ยามนี้บั้นท้ายกลมไหวโยกจากการโดนบังคับ
มือซึ่งย้ายที่จับคอยกำหนดทิศทางท่ามกลางเสียงครางแผ่ว ๆ แววตาร่างบางหยาดเยิ้มเพราะเริ่มมึนเมากับรสกามและทำเสียงดัง
หลุดปากครวญเพราะท่วงทำนองที่บรรเลงอยู่ดันเปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน
ไม่ทันตั้งตัวกับจังหวะจะโคนใหม่ที่ชายหนุ่มหยิบยื่นให้อย่างรีบร้อน
สองมือเรียวบีบช่วงไหล่กว้างตอนสุดจะอดกลั้น ความเสียวซ่านเล่นงานจนเผลอกรีดร้อง เกรงหน้าท้องแบนราบ
ดวงตามองอะไรไม่ชัดสักอย่างระหว่างร่างกายขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
ชานยอลเลื่อนมือขึ้นจับเอวคอดตอนต้องการความถนัด ส่งผลให้เกิดเสียงเนื้อก้นอัดกับต้นขาหนาไม่หยุดหย่อน
บังคับให้แบคฮยอนร่อนเอวก่อนช่วงวินาทีสำคัญจะมาถึง สายตาทะลึ่งตึงตังมองร่างบางซึ่งนั่งไม่ติด
สีหน้าบิดเบี้ยวยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์เหลือร้ายแต่ในขณะเดียวกันก็ช่างน่าทำลาย เวลาอยู่บนเตียงด้วยกันจึงไม่เคยคิดปรานี
ตอนนี้ก็เช่นกัน
“อ้า!”
เกิดอาการร้อนสะบัดหนาว หลังครั่นเนื้อครั่นตัวราวกับจะเป็นไข้มาสักพัก สุดท้ายแบคฮยอนถึงฝั่งก่อน
ส่วนชานยอลหลั่งตาม อุณหภูมิร้อน ๆ ของน้ำที่พวยพุ่งอยู่ในกายทำให้ฝ่ายรองรับดิ้นรน
เกือบถดก้นหนี ดีที่ได้อ้อมกอดแนบแน่นช่วยคลายความตระหนก
แล้วเมื่อช่วงเวลากระตุกจนตัวโยนผ่านพ้นไป ทั้งสองคนเหมือนได้หายใจเต็มปอดอีกครั้ง
แต่ยังไม่หายหอบหืดดี ริมฝีปากที่เจ่อก็ยื่นประกอบกันใหม่ภายใต้ความร้อนแรง
เรียกว่าแลกลิ้นได้เต็มปาก ปลายลิ้นทักทายอย่างคุ้นเคยก่อนลงเอยด้วยการแยกย้าย
ร่างบางยกตัวขึ้นจนค่อย ๆ เผยให้เห็นแก่นกายใหญ่โตซึ่งยังชูชัน
ลุกขึ้นยืนโดยมีชานยอลมองตามตลอดไม่คาดสายตา แล้วแค่เห็นร่างบางคุกเข่าลงตรงหว่างขาก็เกิดอาการเนื้อเต้น
ชายหนุ่มเห็นกรรมวิธีรีดน้ำเชื้อตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่แบคฮยอนเลือกใช้ปากอมนกเขาซึ่งยังขันสลับกับการใช้มือนิ่ม
ๆ บีบนวดจนส่วนนั้นยิ่งเกร็งจัด มันตั้งตระหง่านและสั่นระริกอยู่ในกำมือร่างบางที่ยังใช้ลิ้นเลียรอบความมนและดูดจนบังเกิดเสียงน่าเอร็ดอร่อย
ลีลาเทียบมืออาชีพเค้นอารมณ์คนดูได้ไม่น้อย
ชานยอลปล่อยใจให้ร่างบางชักจูง กระทั่งลูกชายแหวะนมอีกครั้ง
หลั่งในโพรงปากที่อ้างับราวกับรอจังหวะนี้อยู่ก่อนแล้ว
แนวฟันสวยขูดตามความยาวแผ่วเบา สาวเข้าสาวออกขณะน้ำลายไหลย้อยจากมุมปาก
หลังจากกลืนความคาวลงคอก็คายแล้วใช้หลังมือเช็ดลวก ๆ ชายหนุ่มที่อ้างว่าห่วงร่างบางจะเจ็บหัวเข่าแต่ความจริงอยากเข้าข้างหลังเต็มแก่ช่วยฉุดให้ยืนขึ้น
แบคฮยอนโงนเงนเหมือนคนหน้ามืด ที่ยืนอยู่ได้เพราะมีร่างกายใหญ่ให้พิงแลกกับการโดนซุกไซ้
ปลายจมูกพยายามช้อนไชตามซอกผิวกายที่โผล่พ้นผ้า พรมจูบลำคอระหงซึ่งยังคงซ่อนลูกกระเดือกไว้ได้อย่างแนบเนียน
แทนที่จะมัวหามัน กลับจับหันและเบียดตัวเข้าบานประตูห้องน้ำ
ระหว่างไล่งับติ่งหูขาวก็เอาแก่นกายถูกับร่องก้น
บั้นท้ายกลมโดนกระทำอนาจาร ส่วนเจ้าของร่างกายทำแค่ยันฝ่ามือกับบานประตู มองดูสีเรียบ
ๆ ของมันด้วยจิตใจฟุ้งซ่าน ภาพขนาดเวลาขยายยังติดตาประกอบกับต้องลุ้นว่าอีกคนจะจู่โจมเมื่อไหร่
ได้แต่คิดไปต่าง ๆ นานา
เป็นเวลานานในภวังค์แต่ช่างสั้นในโลกความจริง แถมความอึดอัดก็ยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้มาก
การสอดใส่รอบใหม่เพิ่งผ่านไปหยก ๆ พอถกชายเสื้อกันหนาวขึ้นจนเห็นสองแก้มก้นเนียนเต็มตา
สะโพกสอบก็เริ่มขยับและช่วยปรับท่าทางการยืนของร่างบางในช่วงเวลาเดียวกัน
รั้งเอวคอดให้ถอยห่างจากบานประตูหลายศอก
แบคฮยอนหันมองท่าที่ตัวเองทำแล้วก็อาย ชานยอลเหมือนจะรู้เลยเล่นหูเล่นตาใส่ ไม่วายตบแก้มก้นให้เจ้าของมันตกใจและอาศัยจังหวะนั้นเคลื่อนแก่นกายอย่างจริงจัง
รวมถึงรั้งสะโพกที่โก้งโค้งให้ไว้มั่นด้วยสองมือใหญ่
ยึดร่างกายไม่ให้เบี่ยงหนีแล้วตะบี้ตะบันขยันซอยเอวเหมือนเก็บกดมานาน
แรงกระแทกทำเอาคนโดนกระทบสะท้าน ตัวสั่นตามจังหวะไม่หยุด
ร่างบางเกิดอยากพูดแต่ลืมโครงสร้างประโยค เรียงประธานกริยากรรมไม่ถูกเพราะจิตใจมันว้าวุ่นและวอกแวก
สติแตกเพราะความป่าเถื่อนเลือดร้อน ชายหนุ่มเล่นไม่ผ่อนแรงจนแข้งขาแทบหยัดยืนไม่ไหว
จะให้เม้มปากอดกลั้นความเสียวซ่านไปตลอดก็ไม่ได้ พอได้หลุดครางหนึ่งครั้ง
หลังจากนั้นก็มีเสียงเล็ดรอดจากริมฝีปากที่เผยอเป็นระยะ
ประโยคที่ชายหนุ่มเคยล้อเลียน ร่างบางเอ่ยเวียนวนไปมา อืออ้าแทบขาดใจ
ใบหน้าเนียนแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำน้ำแต่ไม่ชุ่มเท่าบริเวณร่องก้น
ส่วนอีกคนก็คำรามในลำคอ เสียงต่ำ ๆ เปรียบเหมือนคอรัสขานรับกับเสียงหวาน
ๆ ชานยอลหลับตาดื่มด่ำ กระแทกแก่นกายซ้ำจุดเดิมเป็นเวลานานและติด ๆ กัน มีการตบก้นฉานใหญ่หวังให้เจ้าของตื่นตัว
ตอนนั้นเองแบคฮยอนส่ายหัวไม่ไหวและหันใบหน้ากลับมาเมียงมอง
ชายหนุ่มลืมตาจ้องกลับอย่างหยาบโลน
ความจริงในหัวขาวโพลนมีคำสบถเป็นร้อยพันและมีประโยคที่สื่อถึงความต้องการในตัวร่างบาง
ความคิดอกุศลลดหน่อยลง วันแรกอยากครอบครองมากแค่ไหน วันนี้ก็ไม่ต่างกัน
ปรารถนาไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
จ้างให้หยุดด้วยเงินหลายพันล้านวอนก็ไม่เอา เพราะเขารวยแล้วจนเงินทองไม่ใช่ของสำคัญอีกต่อไป
สิ่งที่ขาดไม่ได้นอกเหนือจากปัจจัยทั้งสี่ก็คือพยอนแบคฮยอนที่กระตุกนำหน้าไปก่อนอีกครั้ง
ร่างบางปล่อยมือจากบานประตูทันทีเพราะรู้ว่ายังไงก็มีชายหนุ่มคอยรับ
ชานยอลที่กำลังเร่งเครื่องในช่วงโค้งสุดท้ายโอบกอดรอบกายซึ่งยังสั่นและตระหนก
วงแขนหนารัดรอบเอวคอดก่อนจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาตัวเองไปสู่อีกมิติ
ดินแดงที่มีความสุขจากการได้ปลดปล่อยเต็มคราบและได้น้ำกามเป็นของที่ระลึก
หลังจากไปเที่ยวเล่นที่นั้นมา
แรงโถมไม่น้อยกระแทกแผ่นหลังจนร่างบางผวา
เนื้อหนังพากันกระเพื่อมภายใต้การห้อมล้อมร่างกายไว้ด้วยร่างกาย
ไหล่กว้างคร่อมทับไหล่แคบกว่าขณะปลายคางวางอยู่เหนือศีรษะกลม สูดดมกลิ่นหอมของยาสระผมไปพลาง
ๆ ระหว่างรอให้ทั้งตัวทั้งใจสงบ
“ฉันร้อน…”
แบคฮยอนพึมพำ ส่วนเหงื่อที่ไหลซึมตามจอนผมก็เป็นหลักฐานว่าร่างบางไม่ได้โกหก “เอาของนายออกไปจากตัวฉันสักที
ฉันกลัวมันระเบิด”
ชานยอลหลุดขำและไม่ทำตามคำสั่งในทันที
ยังลีลาท่ามาก กอดร่างบางไม่ปล่อย
“บอกแล้วไงว่าฉันทำให้นายหายหนาวได้”
“แล้วนายว่าจะมีคนได้ยินเสียงเราไหม”
“เสียงฉันคงไม่เท่าไหร่ แต่เสียงนายน่ะเต็ม ๆ”
“ก็เพราะนายนั่นแหละ”
“ก็ได้ เพราะฉันทุกอย่างนั่นแหละ”
แค่ชายหนุ่มยอมเล่นตามน้ำรับความผิดไว้เพียงผู้เดียวก็ทำให้ร่างบางลอบอมยิ้มได้ “เมื่อไหร่พายุหิมะจะหยุดนะ”
“ทำไม อยากกลับแล้วเหรอ”
“เปล่า ฉันก็แค่เริ่มรู้สึกหนาวนิด ๆ”
“ไหนเมื่อกี้บอกว่าร้อน”
“ไหนเมื่อกี้บอกว่าร้อน”
“ก็ถ้านายเอามันออกไปตั้งแต่ตอนแรก ฉันก็ไม่รู้สึกแบบนี้หรอก”
“โทษฉันอีกตามเคย อยากรู้จริงว่าตัวเองเคยทำผิดบ้างไหม”
“เคย ผิดที่รักนายไง” คนได้ยินจะคิดว่ามันเป็นประโยคบอกรักก็แล้วกัน แล้วยังหน้าด้าน มีการกระซิบขอให้ร่างบางเลี้ยงเนื้อทั้งที่เคยบอกปัดไปว่าไม่เอา “ไม่ นายได้ฉันแล้ว
เพราะฉะนั้นนายจะไม่ได้เนื้อ” แบคฮยอนปฏิเสธเสียงหนักแน่น
“งั้นถ้าไม่ได้กินเนื้อก็ต้องกินนายให้คุ้ม”
“ย๊า… อ้ะ!”
จะขึ้นเสียงแต่กลายเป็นหลุดคราง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ภายในพื้นที่จำกัดทำได้แค่ลุกไม่ก็นั่ง ไม่กว้างพอให้นอนก่อนคนทั้งคู่จะเข้าใจว่าพายุข้างนอกน่ะหยุดแล้ว
แต่พายุในห้องน้ำริมในสุดไม่มีวี่แววจะหยุดง่าย ๆ เลย
“ปาร์คชานยอล ทำไมไม่ตัดตอนฉันล้มออก!” ประตูสตูดิโอถูกผลักเข้ามาด้านในอย่างแรงพร้อมกับการปรากฏกายของแบคฮยอนที่ตอนแรกนอนเล่นมือถืออยู่ข้างนอกดี
ๆ แต่พอเห็นวิดีโอในไอจีที่อีกคนอัพก็ปรี๊ดแตก “แล้วนี่ตอบอะไรของนาย” ยัดเยียดจะให้ชายหนุ่มที่นั่งทำหน้าตาระรื่นอ่านข้อความที่ว่า ‘เห็นน่ารักดีเลยไม่ตัดออก’ ให้ได้
โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าความจริงแล้วชานยอลอ่านทวนมันเป็นร้อย
ๆ ครั้งแล้ว
“นายตอบมาแบบนี้แล้วจะให้ฉันทำยังไง เพื่อนที่ไหนเขาพูดกันแบบนี้เล่า!”
“ก็เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันสักหน่อย”
“ยังจะกวนอีกนะ”
“ก็น่ารักจริง ๆ หนิ” จากที่ยิ้มเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังในพริบตา “ในนี้ก็น่ารัก” แล้วชี้นิ้วที่หน้าจอโทรศัพท์สลับกับเลื่อนนิ้วมาชี้หน้าร่างบาง “ตอนนี้ก็น่ารัก”
“ไม่-พูด-ด้วย-แล้ว!” กลัวจะเผลอพังข้าวของเลยต้องออกไปสงบสติอารมณ์ก่อน
แต่ชานยอลก็ยังกวนประสาทไม่เลิกด้วยการตะโกนไล่หลัง “จะไปไหนล่ะ เขินเหรอ”
ตอนนั้นแบคฮยอนโผล่กลับเข้ามาแค่หน้าแล้วตอบเสียงดัง “เออ! พอใจยัง!” ก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าปึงปังจนมั่นใจว่าห้องชั้นล่างต้องกำลังด่าสาดเสียเทเสีย
“คนเราเนี่ยนะเวลาเขินชอบทำเสียงดังกลบเกลื่อนตลอด”
ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูขณะกำลังลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงกับรูปมากมายที่ถ่ายได้จากสกีรีสอร์ท
มีรูปแบคฮยอนน่ารัก ๆ เต็มเครื่องไปหมดจนสามารถลงได้เป็นเดือน ๆ “ลงรูปอีกดีไหมนะ…” เขาถามตัวเองเบา ๆ แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจ “ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวดูไม่พิเศษ”
เก็บไว้ดูเล่นคนเดียวน่าจะดีกว่า มีการลูบหน้าจอแล้วพึมพำ “แบคฮยอนของฉันน่ารักจัง”
***ตุ๊กติ๊กทอร์ค
ดีเลย์แบบ ดีเลย์เว่อร์์์์ มาช้าเพราะสภาพจิตใจไม่ค่อยดี ช่วงนี้อ่อนแอ
ดีเลย์แบบ ดีเลย์เว่อร์์์์ มาช้าเพราะสภาพจิตใจไม่ค่อยดี ช่วงนี้อ่อนแอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น