Lonely
Together
สถานพยาบาลกลายเป็นบ้านหลังที่สองของนายแพทย์ปาร์คชานยอลผู้ซึ่งกำลังนอนพักเอาแรงในห้องทำงานส่วนตัวระหว่างรอบุรุษพยาบาลนำร่างไร้วิญญาณร่างสุดท้ายของวันมาให้ชันสูตรหาสาเหตุการตาย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
รหัสลับเคาะประตูสามครั้งแปลว่าได้มีการนำศพมาถึงเรียบร้อย
ชานยอลจึงค่อยลุกจากโซฟา แม้นัยน์ตาจะปรากฏความอ่อนล้าและเหนื่อยสะสมจากหน้าที่การงานอย่างเห็นได้ชัด
แต่ด้วยจรรยาบรรณของแพทย์นิติเวชบวกกับเสร็จรายนี้แล้วก็จะได้กลับบ้านไปนอนอย่างเต็มอิ่ม
จึงรีบเคลื่อนย้ายร่างกายรวบรวมพลังที่มีเหลือเดินมาหยิบเสื้อกาวน์ผ่าตัดที่พาดกับผนังเก้าอี้มาใส่
พอเดินออกมาจากห้องพักก็คว้าถุงมือยางมาสวม
“ชื่อผู้ตาย” กลายเป็นธรรมเนียมที่นายแพทย์จะต้องถามชื่อผู้ตายกับบุรุษพยาบาล
เพื่อที่ระหว่างชันสูตรจะได้เรียกชื่อเสียงเรียงนามกันถูก ชานยอลคิดว่าแม้แต่คนตายก็ยังต้องการการให้เกียรติเหมือนคนเป็น
“พยอนแบคฮยอนครับ”
แต่แล้วชื่อบุคคลที่สามก็ทำให้นายแพทย์ที่กำลังจัดแจงอุปกรณ์หยุดชะงักและหว่างคิ้วยับย่น
วางมือจากงานแล้วกลับหลังหันมาทวนคำถามอีกที
“เมื่อกี้นายบอกว่าชื่ออะไรนะ”
“พยอนแบคฮยอนครับ สันนิษฐานว่าผู้ตายหัวใจวายเฉียบพลันครับ”
บนโลกนี้มีคนชื่อซ้ำกันถมเถไป ดังนั้นเลยยากจะปักใจเชื่อว่าเป็นคน
ๆ เดียวกับที่รู้จัก อีกอย่างก็หวังว่าจะไม่ใช่ เพราะถ้าใช่งานที่รักคงกลายเป็นงานที่เกลียดทันทีแล้วก็คงไม่กะจิตกะใจจะค้นหาว่าคน
ๆ หนึ่งตายเพราะอะไร
ส่วนบุรุษพยาบาลเห็นนายแพทย์เงียบไปก็ไม่ได้ติดใจสงสัย
เตรียมจะเปิดผ้าใบที่ใช้คลุมใบหน้าและร่างอันซีดเซียว แต่ชานยอลก็พูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าต้องการความเป็นส่วนตัวในการปฏิบัติงาน
ที่เลือกเป็นแพทย์เฉพาะทางส่วนหนึ่งก็เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย ให้เป็นหมอทั่วไปก็เบื่อคนพลุกพล่าน
ชานยอลพิสมัยความเงียบสงบ จนกระทั่งได้พบกับ รักแรก
อีกครั้ง
หลังเปิดผ้าใบจนเห็นดวงหน้าขาวซีดด้วยตาตัวเองก็ค่อย
ๆ คลำหาชีพจรด้วยใจที่หนักอึ้ง นึกอยากให้พยอนแบคฮยอนที่ยังเหมือนเดิมทุกอย่างแค่หลับไป
เมื่อนอนพอแล้วก็ตื่นขึ้นมาสนทนาอย่างเจื้อยแจ้วดั่งเช่นตอนที่เคยคบกัน
“ไม่คิดว่าเราจะกลับมาเจอกันอีกในสถานการณ์แบบนี้”
ความสัมพันธ์ที่ลงเอยไม่ได้ด้วยดีเท่าไหร่ทำให้นายแพทย์ไม่กล้าสู้หน้าอีกคนตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
เหตุผลในการเลิกราเพราะชานยอลเลือกอนาคตมากกว่าหัวใจ
ความรักในวัยเรียนที่หนักหนาสากรรจ์หยุดพัฒนาเมื่อวันที่ความหวังของครอบครัวทนแบกรับหลาย
ๆ อย่างไว้ไม่ไหวจึงทะเลาะกันยกใหญ่ ร่างบางที่เคยเป็นกำลังใจจนทำให้สอบติดหมอกลายเป็นเพียงตัวปัญหาที่ไม่รู้จักคำว่าเหตุผลของการเป็นผู้ใหญ่
ความผูกพันห้าปีไม่มีความหมายจนนำไปสู่การแตกหักและต่างคนต่างเดินไปตามทางของตัวเองอย่างเดียวดาย
ชานยอลถอดถุงมือยางออกแล้วสัมผัสพวงแก้มเย็นชืดแผ่วเบา
อุณหภูมิที่แตกต่างกันย้ำชัดว่าเราอยู่กันคนละโลก เบื้องบนช่างตลกร้าย ไม่ให้โอกาสแก้ตัวซ้ำยังพามาเจอกันในวันที่สายไป
เช่นนี้แล้วคำขอโทษจะมีความหมายอะไรในเมื่อคนที่อยากให้ได้ยินไม่อยู่ฟัง
สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แยกได้เป็นใจหาย
เศร้าสลด รวมถึงหดหู่ หลังจากทำร้ายจิตใจร่างบางก็มีชีวิตอยู่อย่างรู้สึกผิดเรื่อยมาและไม่สามารถรักใครได้อีก
ครองตัวเป็นโสด ปฏิเสธคนใหม่ ๆ
ที่พยายามเข้าหาอย่างไร้เยื้อใยและดูเหมือนว่าจะต้องชดใช้ให้กับการกระทำอันใจร้ายของตัวเองไปอีกยี่สิบสามสิบปี
บางทีคงถึงวันตาย
‘ถ้าฉันป่วย นายจะรักษาฉันไหม’
‘แน่นอนสิ’
‘คุณหมอ ผมรู้สึกไม่สบายเหมือนจะเป็นไข้ใจ’
‘เลอะเทอะ’
‘ไหนว่าจะรักษาไง’
‘จะให้รักษายังไงในตำราไม่มีบอก’
‘ก็รักฉันกลับสิคนโง่ เท่านี้ฉันก็หายเป็นไข้ใจแล้ว’
นัยน์ตาหม่นหมองจ้องร่างกายเปลือยเปล่าที่ไร้รอยขีดข่วนอย่างพินิจพิจารณา
แล้วตัดสาเหตุการตายจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมไป เหลือทางเดียวคือตรวจหาสาเหตุจากภายใน
ชานยอลทำใจสวมถุงมืออย่างอีกครั้งแล้วหยิบมีดผ่าตัดที่วางในถาดฆ่าเชื้อขึ้นมา
เกือบจะจรดปลายมีดคมกริบลงบนผิวหมดจดอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ ก็เกิดความลังเลและไม่มั่นใจ
ชันสูตรพลิกศพใครต่อใครก็ไม่เคยลำบากใจเท่านี้จนต้องหันมองหน้าอีกทีเพื่อความแน่ใจ
เห็นร่างบางนอนแน่นิ่งยิ่งทำไม่ลง มันคงไม่ยุติธรรมกับฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ตลอด
“ฉันจะไม่ทำร้ายนายเป็นหนที่สองแน่ ฉันสัญญา” เปล่งวาจาอย่างมุ่งมั่นพร้อม ๆ
กับที่ตัดสินใจบางอย่างได้ นายแพทย์ก้มลงจุมพิตหน้าผากมนของคนรักอย่างไม่รังเกียจ
ท่ามกลางความเงียบสงัดได้มีการโยกย้ายและเปลี่ยนตำแหน่งวัตถุปราศจากคนรู้เห็น
ไม่มีอะไรยากเย็นเมื่อชานยอลเป็นคนตัวสูงใหญ่ อ่อนล้าแต่ว่าไม่ไร้กำลัง ก่อนทั้งห้องจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
พอดีกับที่มีคนเคาะประตูเป็นการขออนุญาต
“เข้ามา”
หลังเวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่า บุรุษพยาบาลก็กลับมารับช่วงต่อ
เพราะรู้สถิติเวลาของนายแพทย์ดีถึงมาโดยไม่บอกกล่าวและยังประทับใจในความเป็นระเบียบ
ชาร์ตที่ระบุสาเหตุการตายเสียบไว้ช่องข้างเตียงเหล็กอย่างเรียบร้อย คนมีหน้าที่เข็นพลิกป้ายที่ห้อยตรงหัวแม่เท้าดูอีกทีเพื่อความแน่ใจ
พอเห็นว่าชื่อผู้ตายเป็นพยอนแบคฮยอนก็เข็นเตียงออกไปและไม่ลืมล่ำลาคนทำสีหน้าเรียบเฉยขณะยืนกอดอกพิงขอบอ่างล้างมือ
“เหนื่อยหน่อยนะครับวันนี้”
ชานยอลพยักหน้าแล้วยิ้มให้บาง ๆ แล้วค่อยถอนหายใจไล่หลัง ปิดไฟดวงใหญ่เป็นอย่างสุดท้ายและเดินออกจากห้องปฏิบัติงานอย่างเงียบเชียบ
แวะเก็บสัมภาระในห้องพัก ยกของหนักพาดบ่าและเลือกจะใช้บันไดหนีไฟด้านหลังตึก
ถึงเวลากลับบ้านไปพักผ่อน รถที่จอดในบริเวณสำหรับเจ้าหน้าที่เคลื่อนออกจากที่เดิม
ชานยอลบังคับพวงมาลัยทำให้สี่ล้อขยับไปในทิศทางที่ต้องการและขับรถผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่วันทยาหัตถ์เป็นการทักทายนายแพทย์ที่เจอกันทุกวันและทันเห็นคนหน้าไม่คุ้นแต่ว่าสวมเสื้อกาวน์แล้วเข้าใจว่าเป็นคุณหมอคนใหม่
สงสัยจะทำงานหนักเลยเพลียหลับคอพับคออ่อน ยืนมองตามก็เห็นว่านอนเอาหัวพิงหน้าต่างไปตลอดทางที่ทอดยาว แต่หากเฝ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าร่างนั้นไม่มีลมหายใจ
ตุ๊กติ๊กทอร์ค
สุขสัตน์วันฮาโลวีน !!!!
เป็นเรื่องสั้นที่แต่งได้สั้นที่สุดแล้วก็ใช้เวลาน้อยสุด เกร้ดดดด
ถือเป็นประวัติศาสตร์ได้เลยเพราะไม่เคยแต่งอะไรสั้นขนาดนี้ได้
หวังว่าจะชอบกันนะคะ ชอบสักนิดนึงก็ยังดี 5555555 55
รู้สึกยังไงระบายได้ที่ hashtag #fcuncenfic เลย รออ่านอยู่จ้า
เป็นเรื่องสั้นที่แต่งได้สั้นที่สุดแล้วก็ใช้เวลาน้อยสุด เกร้ดดดด
ถือเป็นประวัติศาสตร์ได้เลยเพราะไม่เคยแต่งอะไรสั้นขนาดนี้ได้
หวังว่าจะชอบกันนะคะ ชอบสักนิดนึงก็ยังดี 5555555 55
รู้สึกยังไงระบายได้ที่ hashtag #fcuncenfic เลย รออ่านอยู่จ้า