ปาร์คชานยอลถูกคำบอกเล่าของเพื่อนหลอกหลอนตลอดเจ็ดสิบสองชั่วโมงที่ผ่านมา
ขนาดอาบน้ำสระผม พรมหัวจนเปียกโชกแต่ประโยคเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะไหลไปตามน้ำ พอ
ๆ กับที่ภาพของเด็ก ‘แบคฮยอน’ ยังติดตาและได้กลิ่นกายหอมหวนติดอยู่ที่ปลายจมูก
ฟุ้งซ่านทั้งยามหลับยามตื่น เด็กตัวเล็ก ๆ มีอำนาจมากพอที่จะยึดพื้นที่ความคิดจนไม่เป็นอันทำอะไร
ตัวนั่งประจำที่โต๊ะทำงาน แต่ใจนั้นลอยไปไกลแสนไกล
กาแฟที่เลขาสาวชงมาให้กลายเป็นหมั่น มันเย็นชืดเกินกว่าใครจะกล้ากลืนลงคอ
นิ้วกร้านเอาแต่เคาะกับโต๊ะกระจกระหว่างคิดไม่ตกว่าจะจัดการกับความข้องใจที่กลายเป็นส่วนเดียวกับเลือดในร่างกายนี้อย่างไร
สาบานได้ว่าไม่มีเจตนาจะปรักปำสหายว่าพูดปดมดเท็จ
แต่เพราะตัวเองก็ไม่ได้แค่เห็นแต่มือยังต้อง ได้สัมผัสเนื้อหนังมังสาของเด็กชายที่ถูกระบุว่าตายไปแล้วเองกับมือ
แล้วเท่าที่รู้มาวิญญาณก็เป็นแค่มวลสาร เบาบางเหมือนอากาศ
ถ้าอย่างนั้นจะอธิบายความหนักบนหน้าตักตอนร่างเล็กนั่งทับอย่างไร
จะมีอาจารย์คณะไสยศาสตร์คนไหนอธิบายให้เข้าใจได้บ้าง
แถมคืนนั้นก็ไม่ได้แตะเหล้าสักหยด จะโทษว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ไม่ได้
พี้ยาจนหลอนยิ่งไม่ใช่ใหญ่และมั่นใจว่าไม่ได้เผลอกินมั่วซั้วก่อนนอนแน่นอน
สุดท้ายกำปั้นหนาก็ทุบกับโต๊ะกระจกอย่างแรงเมื่อทนแบกรับความสงสัยอีกต่อไปไม่ไหว
พอกันทีกับความกระวนกระวายที่เป็นฝ่ายเผชิญเพียงลำพัง ในเมื่อการนั่งอยู่เฉย ๆ
ไม่ช่วยอะไร มือใหญ่จึงคว้าข้าวของแค่ที่จำเป็นเสร็จก็ระเห็จออกจากห้องทำงาน
ตอนแรกเดินผ่านหน้าโต๊ะเลขาไป ก่อนจะเดินถอยหลังกลับมาใหม่เพื่อเอ่ยถามในเรื่องที่ตัวเองใคร่รู้
“ท่านประธานเข้ามาหรือยัง”
“ประชุมกับฝ่ายจัดซื้ออยู่ค่ะ”
นัยน์ตาดำด้านหันไปทางตำแหน่งของห้องประชุมหลักซึ่งบุรอบข้างด้วยกระจกใสจนสามารถเห็นใบหน้าของคิมจงอินที่นั่งวางหมาดท่านประธานได้ถนัด
หลังจากที่ไปหาวันนั้น เช้าวันมาต่อมาสหายก็ยอมตกลงรับงานผู้บริหารอย่างไม่อิดออด จนชานยอลยังอดแปลกใจไม่ได้
แต่แทนที่จะมามัวสงสัยให้เสียเวลา
ถ้าผลลัพธ์เป็นไปตามเป้าหมายก็คือจบกัน
หลายพันชีวิตรอดตายถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของที่ปรึกษาเลยก็ว่าได้เชียวล่ะ
“ช่วงบ่ายฉันจะไม่เข้ามาแล้ว ถ้าใครถามว่าไปไหนให้บอกว่าไปทำธุระส่วนตัว”
กลัวมีคนมาถามหาจึงวางเส้นเรื่องให้เลขาพูดตามเสร็จสรรพ
คนโดดงานขับยานพาหนะคู่ใจออกจากลานจอดรถของตึกสูงระฟ้า
บังคับพวงมาลัยไปตามเส้นทางที่เริ่มร้างตึกรามบ้านช่องทุกขณะ
เป็นระยะหลายสิบกี่โลกว่าจะถึงที่หมาย
จากถนนเส้นใหญ่กลายเป็นแคบแทบพอดีกับคันรถ ต้นไม้บริเวณสองข้างทางให้ความรู้สึกเหมือนกำลังบีบเข้ามา
ป่าเขียวชอุ่มทำให้รู้สึกอึดอัด
กลุ่มเมฆไล่ตามหลังมาดูท่าอีกไม่นานไอน้ำคงกลั่นเป็นห่าฝน
ชานยอลขับรถมาตามทางราบที่เลียบไปกับแม่น้ำสายเล็ก
ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่างผ่านกระจกข้าง เหลือบเห็นแผ่นหลังที่ทำเอาใจเต้นแรง ใครบางคนนั่งแกว่งเท้าอยู่ตรงท่าน้ำและแค่มองปราดเดียวก็จำได้แม่นยำ
จนตัดสินใจจอดรถมันกลางทางทั้งที่อีกร้อยเมตรกว่า ๆ ก็จะถึงตัวบ้าน หนุ่มใหญ่ทำอะไรรวดเร็วทันใจเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นใจร้อนอีกครั้ง
พร้อมเข้าสู่ชั่วโมงล่าท้าความจริงอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด
ๆ ทั้งสิ้น ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้เด็กชายที่กำลังปาหินลงน้ำ แต่ยิ่งระวังฝีเท้ามากเท่าไหร่ยิ่งกลายเป็นทำเสียงอึกทึกครึกโครม
ดันเหยียบกิ่งไม้แห้งจนมันหักและร่างเล็กก็หันขวับกลับมามองด้วยสีหน้าตกใจ
“ฉันเอง ฉันไง จำได้ไหม” รีบออกตัวก่อนยืนหน้าสลอนให้มองชัด ๆ
พูดกระตุ้นความทรงจำหลังจากที่กลับไปไม่ทันล่ำลา
หวังว่าจะยังไม่ลืมหน้าชายโฉดที่เคยปล้นสะดมน้ำหวานไปและกลับมาให้ดอกไม้เห็นหน้าอีกทีในสามวันให้หลัง
ร่างเล็กเอียงหน้ามอง ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะพยักหน้าแทนการตอบว่าจำได้
ก่อนใบหน้าจะปรากฏสัญลักษณ์ของความเขินอาย เหมือนมีจิตกรสะบัดสีแดงใส่โหนกแก้มอย่างไรอย่างนั้น
แบคฮยอนรีบหยัดกายลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินไปทางอื่นทั้งที่ยังอมยิ้ม
“เดี๋ยวสิ จะไปไหนน่ะ” ปากถามขาก็ขยับตามอัตโนมัติ
ชานยอลถอดสูทตัวนอกออกเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว แล้วรีบเคลื่อนเท้าตามเด็กชายให้ทันและดันพลาดจับมือเล็กที่แกว่งอยู่ข้างลำตัวไปอย่างน่าเสียดาย
แต่หนุ่มใหญ่ก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ แค่อยากสัมผัสให้แน่ใจว่าเด็กชายยังตัวอุ่นเฉกเช่นมนุษย์
หาใช่วิญญาณอาฆาตที่ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิดเสียที จด ๆ จ้อง ๆ มองมือที่ลูบไล้ใบไม้ละสองข้างทางตาไม่กะพริบในขณะร่างเล็กยังเดินหน้าต่อไปอย่างไม่รีบร้อน
กินลมชมวิวและสูดอากาศบริสุทธิ์จนชุ่มปอด เด็กน้อยกำลังสอนให้ผู้ใหญ่รู้จักใจเย็นเมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ซึ่งชานยอลก็เดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
จากปกติที่เดินเร็วเป็นกิจวัตร ต้องเร่งรีบเพราะเดี๋ยวไม่ทันตารางงานที่แน่นขนัดพอ
ๆ กับปมเนกไท คนมีภาระที่ต้องรับผิดชอบแทบจะลืมไปแล้วว่าเดินเล่นจริง ๆ จัง ๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
อาจเป็นช่วงมัธยมปลายไม่ก็มหาลัย แต่รวม ๆ แล้วมันก็หลายปีที่ขายวิญญาณให้กับโรงงานอุตสาหกรรม
ทำตามสูตรและไม่เคยหลุดกรอบจารีตประเพณี คลุกคลีกับสารเคมีจนผิวหนังชินไปเองและไม่เคยเล็งเห็นความงดงามที่ปราศจากสิ่งปรุงแต่ง
แบคฮยอนพาอีกคนเดินตัดผ่านใจกลางป่า ก่อนจะแวะเด็ดบางอย่างออกจากต้น
ผลของมันขนาดเท่าลูกปัด นอกจากจะกินเองยังหันกลับมายื่นให้ผู้ใหญ่
“ให้ฉัน…? มันกินได้เหรอ” กลัวสิ่งแปลกปลอมแต่ก็ยอมกินเมื่อร่างเล็กเป็นฝ่ายป้อนให้
ฟันคมลองเคี้ยวจนรสชาติแปลกใหม่เคลือบไปบนเกลียวลิ้น “หวานดีแฮะ”
ร่างเล็กที่ยืนรอดูปฏิกิริยายกยิ้มกว้างพลางพยักเพยิดหน้าเห็นด้วย
แล้วค่อยชวนชานยอลออกวิ่ง เรียกว่ากึ่งลากกึ่งจูงดีกว่า ฝ่ายที่ถูกกุมข้อแขนรีบประกบมือกับหลังมือเล็กไว้ขณะก้าวเดินผ่านต้นไม้ที่บดบังทัศนียภาพจนมาพบกับลำธารที่น้ำใสสะอาดขนาดเห็นตัวปลา
แบคฮยอนกระโดดลงน้ำที่มีความสูงเท่าเข่าและเดินฝ่ากระแสน้ำอย่างชำนาญในระหว่างที่คนมาด้วยกันรีบถอดรองเท้าหนังออกแล้ววางมันกองไว้กับเสื้อสูทสีดำ
ทั้งคู่ข้ามไปยังอีกฝั่งโดยสวัสดิ์ภาพแล้วเดินย้อนไปทางต้นน้ำที่เห็นอยู่ไม่ไกล
“ไม่ยักรู้ว่าที่แบบนี้ …ด้วย”
พึมพำไม่ทันขาดตอน เผลอกลืนน้ำลายลงคอเพราะเห็นคนที่วิ่งล่วงหน้าไปก่อนถอดชุดจนเนื้อตัวล่อนจ้อน
แสงแดดสะท้อนกับผิวกระเบื้องเคลือบจนเกือบทำคนจ้องตาบอด
ชานยอลตัดสินใจถอดเข็มขัดในไม่กี่วินาทีต่อมา ปลดตะขอกางเกงอย่างรีบร้อนระหว่างมองร่างเล็กไม่คลาดสายตา
แก้ผ้าแก้ผ่อนตอนบ่ายกว่าอย่างไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วเดินเท้าเปล่าลงน้ำที่เพิ่มระดับความสูงขึ้นเรื่อย
ๆ จนเสมออก
อุณหภูมิที่เย็นของน้ำทำให้สมองโล่งจนคิดอะไรดี ๆ
ออก
นัยน์ตาดำด้านมองอีกคนที่ดำผุดดำว่ายแล้วค่อยมุดตัวลงใต้น้ำอย่างเงียบเชียบ
ตอนนั้นเองที่แบคฮยอนหันกลับมากวาดสายตาแล้วเจอเพียงความว่างเปล่า
หันหัวไปทางไหนก็ไร้เงาสูงใหญ่จนใบหน้าเริ่มถอดสี ถึงจะมีพัฒนาการหลาย ๆ ด้านช้ากว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่า
แต่ก็เข้าใจคำว่าหวาดกลัวอย่างถ่องแท้
นอกจากในท้องแม่ก็ไม่มีที่ไหนแล้วที่ปลอดภัย
แต่ในระหว่างที่กำลังรู้สึกเคว้งคว้าง จู่ ๆ
ก็มีพรายหนุ่มรูปงามโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำและพยายามล่อหลอกด้วยความเจ้าเล่ห์
โปรยเสน่ห์อันร้ายกาจผ่านแววตาเป็นประกาย เสยผมไปด้านหลังขณะอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่คนเล่นพิเรนทร์ที่สนุก
ผิดกับคนถูกแกล้งที่ขวัญหนีดีฟ่อจนน้ำตาคลอเบ้า
แบคฮยอนตกอยู่ในอาการซึมเศร้าและน้ำตาไหลราวกับสั่งได้ ร่างเล็กอยากหลบไปอยู่คนเดียวไม่ขอข้องเกี่ยวกับคนขี้แกล้งสักพัก
แต่ก็ยังช้ากว่าช่วงแขนยาวที่ตวัดรัดเอวคอดในน้ำและรั้งกลับเข้าหาตัวจนหน้าท้องแบนราบเบียดเสียดกับลอนกล้ามจำนวนมาตรฐาน
“ฉันขอโทษ” เอ่ยอย่างลนลานพานรู้สึกผิดมหันต์
ชานยอลพยายามโน้มใบหน้าที่เบือนหนีให้หันกลับมา
ปลอบประโลมด้วยสัมผัสท่ามกลางการขัดขืนเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่กุมพวงแก้มร้อนฉ่าไว้ คอยรองรับน้ำตาแห่งความเสียใจ
ให้ร่างเล็กยืมมือเป็นที่พักพิงอิงแอบ เอาแก้มซบแล้วหลับตาร้องไห้เงียบ ๆ
‘หลานชาย เสียไปเมื่อสองปีก่อน’
คำพูดของเพื่อนเตือนความจำได้ถูกเวลา
พอดีกับที่ชานยอลประจักษ์แล้วว่าร่างเล็กนั้นมีตัวตนจริง
ๆ
หยดน้ำที่กลิ้งบนความขาวเนียนถูกเช็ดออกไปด้วยปลายนิ้วโป้ง
กร้านนิ้วยาวเกลี่ยผิวหมดจด ขจัดสิ่งที่บดบังสายตาออกไปไม่มีเหลือก็เพื่อจะยลโฉม “ผีทุกตนจะสวยเหมือนเธอไหม”
ถามด้วยความสงสัยระหว่างแบคฮยอนช้อนนัยน์ตาแดงก่ำมองอย่างเว้าวอน “ถ้าบอกว่าเป็นนางฟ้าฉันยังจะเชื่อมากกว่า” ละเมอพูดคนเดียวตอนที่นิ้วเกี่ยวกับมุมปากบาง
ร่างเล็กงับปลายหัวแม่โป้งอย่างแผ่วเบา
เอาฟันขูด ใช้ปากรูดตามความยาวราวกับหิว ดูดนิ้วหนุ่มใหญ่เล่นเหมือนเด็กแรกเกิด
“เธอเป็นใครกันแน่นะ” เกือบจะหลงไปกับสิ่งยั่วยุ แต่ก่อนสงครามอารมณ์จะอุบัติ
ร่างเล็กกลับหยุดมันด้วยการสวมกอดแล้วออดอ้อนเสียงเครือว่า “หนาว…”
แบคฮยอนถูกอุ้มขึ้นฝั่งก่อน
ส่วนชานยอลยังลอยคอในน้ำ กำลังจะปีนขึ้นตามแต่กลับมีเหตุให้ต้องชะงัก หลังจากสบสายตาเข้ากับรอยช้ำบริเวณข้อเท้าขาว
เรื่องน่าสงสัยก็เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง ก่อนจะเป็นร่างเล็กที่ชักขากลับ ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งหนีทั้งสภาพชีเปลือย
เดือดร้อนให้ผู้ใหญ่ช่างสังเกตต้องรีบขึ้นจากน้ำและตามเก็บชุดให้ทั้งที่ตัวเองก็ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย
เสื้อค่อยระหว่างทาง ใส่แต่กางเกงไปก่อน ชานยอลเดินอาด ๆ
จนตามทันและกอดรัดฟัดเหวี่ยงเพียงเพื่อให้แบคฮยอนใส่เสื้อผ้าก่อนจะเป็นปอดบวมตายหรือมีไข้ถามหา
ผู้ใหญ่เดินนำบ้างและส่งมือให้ร่างเล็กจับยามต้องข้ามลำธารเพื่อกลับไปทางเก่า
สละรองเท้าให้สวม ถึงจะหลวมแต่คนได้ใส่ก็ยังชอบใจ ส่วนตัวเองยอมเดินเท้าเปล่าไปตลอดทาง
ร่างเล็กขอเสื้อสูทตัวโคล่งไปใส่
สยายเสื้อเป็นปีกแล้วออกวิ่งเป็นวงกลมวนรอบตัวคนอายุมากกว่า
เดี๋ยวก็ล้มหรอกบอกไม่ทันขาดคำ เกือบหน้าคะมำดีที่จับตัวไว้ได้และเพื่อตอบแทนแก่ความมีน้ำใจให้เลือกทำได้หนึ่งอย่าง
แน่นอนว่าหนุ่มใหญ่ไม่ลังเลที่จูบอย่างมูมมามจัดให้ตามประสงค์
ส่วนการถลกชายกระโปรงขึ้นนั้น เป็นคำบัญชาจากสัญชาตญาณดิบล้วน ๆ
ว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ
พอเจอกับตัวถึงเข้าใจ
แต่มันก็ไม่ได้เร็วจนถึงขนาดไล่เก็บความความทรงจำไม่ทัน
ชานยอลเก็บได้กระบุงใหญ่และมีกำลังวังชาแบกข้ามภูเขาได้เป็นลูก ๆ จิตใจกระโดดโลดเต้นเหมือนถูกล็อตตารี่รางวัลที่หนึ่ง
รู้สึกเหมือนได้ย้อนวันวานกลับไปในช่วงแตกเนื้อหนุ่ม กระชุ่มกระชวยขึ้นมากหลังจากที่สองสามเดือนก่อนเอาแต่ใช้ชีวิตผ่อนส่งไปวัน
ๆ
ชายผู้ให้คำสัตย์สาบานว่าจะมีเมียเดียวจวบจวนสิ้นอายุขัยยอมรับว่าแอบเข็ดขยาดกับความรักและตั้งใจจะครองโสดไปจนวันตาย
เคยเหน็บแหนมอดีตภรรยาว่าหาสามีใหม่ได้เร็วดีนะ แต่กลายเป็นว่าตัวเองก็ไม่ต่างกันและอาจจะหลงเด็กมากกว่า
เรียกได้ว่าเข้าขั้นหัวปักหัวปำ
ตามติดยิ่งกว่าเงาตามตัวเพราะกลัวจะซนจนเลือดตกยางออก
พนักงานบริษัทผันตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
พาร่างเล็กมาล้างหน้าล้างตาที่ท่าน้ำแถวบ้านและอนุญาตให้เอาขาจุ่มน้ำได้ แบคฮยอนนั่งแกว่งขาสบายใจเฉิบตอนอีกคนกวักน้ำขึ้นมาลูบตามแขนตามขา
ที่มีคราบดินติดตามร่างกายก็เพราะว่าหกคะล้ม ตอนจับกบเพราะรีบวิ่งหนีมันก็น่าสงสารอยู่หรอก
แต่ผู้ใหญ่ก็อาศัยช่วงนั้นแอบมองข้างใต้ร่มผ้าจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน
ดวงตาสุกสกาวเห็นดอกไม้ลอยมากับกระแสน้ำกำลังจะผ่านเลยไปจึงชี้จะเอา ชานยอลที่แขนยาวแต่ไม่มากพอให้คว้าจึงหย่อนตัวลงน้ำไวเท่าความคิด เดินลุยทั้งกางเกงเพื่อหยิบสิ่งที่ร่างเล็กปรารถนามาให้ มือน้อยรับดอกไม้ไว้ด้วยความยินดีก่อนจะยกขึ้นดมฟุดฟิด
ดวงตาสุกสกาวเห็นดอกไม้ลอยมากับกระแสน้ำกำลังจะผ่านเลยไปจึงชี้จะเอา ชานยอลที่แขนยาวแต่ไม่มากพอให้คว้าจึงหย่อนตัวลงน้ำไวเท่าความคิด เดินลุยทั้งกางเกงเพื่อหยิบสิ่งที่ร่างเล็กปรารถนามาให้ มือน้อยรับดอกไม้ไว้ด้วยความยินดีก่อนจะยกขึ้นดมฟุดฟิด
ได้กลิ่นทีก็ยิ้มกว้าง อ้าปากงับทำท่าจะแทะกลีบสีอ่อนจนชานยอลต้องรีบห้ามว่าไม่ได้
มันไม่ใช่อาหาร โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อวานร่างเล็กแอบกินไปแล้วตอนอยู่ตามลำพังและมีวีรกรรมอีกมากมายที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เช่นการทำให้ผู้ชายอีกคนตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“ชอบเหรอ” ชานยอลที่เห็นว่าไหน
ๆ ก็เปียกแล้วเลยยืนในน้ำมันซะเลยเอ่ยปากถามเด็กชายตรงหน้าที่ไม่ได้ยึดแค่ท่าน้ำไว้คนเดียวแต่ยังยึดหัวใจที่เคยแห้งเหี่ยวไว้ได้ซะอยู่หมัด
หางตาเหลือบเห็นอีกดอกลอยอยู่ไม่ไกลจึงเก็บขึ้นมาทัดข้างใบหูขาว
แต่ที่ทำไม่ใช่เพื่อพยายามเอาใจ แค่รู้สึกว่าดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของความงดงามที่จับต้องได้และไม่มีอะไรเหมาะกับร่างเล็กกว่านี้อีกแล้วก็เท่านั้น
“สวย” แบคฮยอนยกมือคลำดอกไม้ที่กกหูแล้วชมตัวเองหน้าตาเฉย
ตามด้วยการเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานหันนิ้วชี้เข้าหาคนยืนต้านกระแสน้ำเอื่อย ๆ “หล่อ”
“ฮ่า ๆ” เดินทางมาไกลได้หัวเราะแค่สักครั้งสองครั้งก็ยังถือว่าคุ้มกับค่าน้ำมันและถือโอกาสแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ “ฉันชื่อชานยอล” ช้าไปหน่อยแต่อย่างน้อยก็บอก ไม่อยากให้ร่างเล็กมองว่าไม่จริงใจและแน่นอนว่าในอนาคตจะบอกมากกว่านี้
หวังว่าอีกคนก็จะทำเหมือนกัน
อาจต้องใช้เวลาแต่ก็จะรอ
“ไหนลองเรียกฉันว่าชานยอลซิ”
“หล่อ”
“ไม่ ฉันชื่อชานยอล”
“หล่อ” จีบปากจีบคอตะเบ็งเสียงสู้
“หล่อก็หล่อ”
ผู้ใหญ่ยอมแพ้ ดีกว่าต้องวิ่งหายาแก้อักเสบให้เด็กกิน “เห็นแบบนี้ฉันก็อายเป็นนะ” หน้าบางเพราะคำชม แต่อมยิ้มเขินไม่ทันไรก็หลุดขำอีกหนเมื่อร่างเล็กเอาดอกไม้ที่เหลือทัดหูคืนและออกปากชมเปราะว่า “สวย”
พูดกลับไปกลับมาจนหนุ่มใหญ่อยากรู้ว่าจริง ๆ
แล้วในสายตาร่างเล็กตัวเองดูเป็นยังไง
“ตกลงฉันสวยหรือหล่อ เลือกมาสักอย่างสิ …แบคฮยอน”
เจ้าของชื่อชะงักไปเผยนัยน์ตาเลิ่กลั่ก
หนึ่งในสิ่งที่รู้ก็คือชื่อของตัวเองแต่ร่างเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ
เหมือนไม่ชอบมันและไม่ต้องการให้อีกคนเอ่ยถึงชื่อนั้นอีกเด็ดขาด มีอาการลนลานและตื่นตระหนกจนชานยอลรีบกอดปลอบและกล่าวประโยคเดิมซ้ำ
ๆ พูดว่าไม่เป็นไรนับครั้งไม่ถ้วน “ไม่อยากเลือก” เสียงหวานพึมพำกับอก ท่าทางซึมลงถนัดตา
“ไม่เป็นไร” ไม่อยากเลือกก็ไม่ต้องเลือก
กะอีแค่สวยหรือหล่อมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่จะต้องมาบังคับให้ตอบกันอยู่แล้ว
ความรู้สึกผิดสะท้านอยู่ในอกซ้ายของชายวัยกลางคน คนทำให้บรรยากาศกร่อยก็หน้าเดิม ๆ
แต่ข้อดีของมันก็คือการเริ่มจับทางได้ว่าควรระวังคำพูด
สุดท้ายแล้วแบคฮยอนอาจปฏิเสธการเลือกในครั้งนี้ได้
แต่ยังไงซะวันหนึ่งที่ต้องเลือกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จะมาถึงอยู่ดี
“เอาดอกไม้อีกไหม ให้ฉันทำอะไรไถ่โทษดี”
มือใหญ่ดันไหล่แคบออกห่างตัว ใช้หัวโขกเบา ๆ เอาหน้าผากดันหน้าผาก
เล่นด้วยเพราะอยากให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีกลับมามีชีวิตชีวา อุตส่าห์จุมพิตหน้าผากเสียงดังหวังว่าร่างเล็กจะให้ความสนใจแต่ก็ไม่
จูบตามไรผมก็แล้ว หอมตามแนวขมับลามลงแก้มอย่างไว ๆ กลีบปากหนาแนบกับปลายจมูกมน
กดจูบริมฝีปากแดงก่ำแค่ภายนอก รวมถึงคาง ซอกคอ ไห้ปลาร้า หอมหัวไหล่ผ่านผ้าอย่างอ้อยอิ่ง
ดูสิว่าจะนั่งนิ่งได้อีกนานแค่ไหน
ไม่รู้ว่าการบุกรุกร่างกายถูกบัญญัติว่าเป็นการละเล่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจเป็นเพียงความคิดของชายชอบฉวยโอกาสที่สรรหาเหตุผลมาอ้างเพื่อหักลบกลบความจริงที่ว่าตัวเองฝักใฝ่ในราคะและปรารถนาจะกระทำชำเราเด็กน้อยตั้งแต่อยู่ในป่าแล้ว
แววตาร้ายกาจหลุบมองกำปั้นเล็กที่แสดงออกถึงความเกร็งจัด
ชานยอลนวดจนสองมือนั้นยอมคลายออก แบคฮยอนนั่งมองการแสดงมายากลชิดติดขอบเวที
เหมือนมีไฟเผากายทั้งที่ไม่เห็นแม้แต่เขม่าควัน ชายเบื้องหน้าบันดาลให้มวนท้องทั้งที่ไม่มีไม้กายสิทธิ์
มีเพียงริมฝีปากที่ตามติดผิวกายไปทุกหนทุกแห่ง ประกบปากกับท้องแขนทุกระยะ
เคลื่อนมาจูบหน้าท้องแบนราบที่มีชุดเป็นกำบัง ก้มหน้างับตามผ้าที่ปกคลุมขาเล็กทั้งสองข้างอย่างเชื่องช้าและหยุดการกระทำหวาดเสียวไว้ที่หัวเข่าซึ่งปรากฏปื้นแดง
ก่อนจะจูบร่องรอยจากการหกล้มแผ่วเบาแต่เข่านั้นแอบกระตุกนิดหน่อยเพราะความเจ็บที่ยังไม่หายไป
ใช้ปลายฟันกัดชายกระโปรงแล้วเลิกขึ้นเหนือหัวเข่าเข้าไปถึงโคนขา
ลิ้นร้อนไล่เลียผิวละเอียดย้อนไปย้อนมาจนเด็กน้อยใจคอไม่ดี หายใจถี่ขึ้นทุกขณะ เผยอปากแต่ไม่กว้างมากเท่าขาที่ถูกจับแยกออก
ผู้ใหญ่มุดหัวเข้าใต้กระโปรงเพื่อครอบครองพวงสวรรค์ขนาดกะทัดรัดด้วยปาก ทำอะไรประเจิดประเจ้ออย่างไม่กลัวใครจะเดินมาเจอฉากอัศจรรย์เข้า
ระหว่างเล้าโลมก็แอบงัดจรวดตัวเองออกมาขัดให้มันวาบ
สาวด้วยมือจนแก่นกายแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ที่ถ้าฟาดกับก้นคงทำให้สะดุ้งไม่น้อย หนุ่มใหญ่ยอมวางมือจากของกระจุ๋มกระจิ๋ม
โผล่หน้าออกจากกระโปรงแล้วยกมือเช็ดริมฝีปากที่เลอะคราบใส ๆ
เจ้าของนัยน์ตาดำด้านไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ายืดตัวตรงแล้วตามด้วยการปลดกางเกงลง
เป็นร่างเล็กที่กางขาออกอย่างรู้งาน เปิดสัญญาณไฟเขียวด้วยการโกยชายผ้าขึ้นและยอมให้คนยืนในน้ำลำเลียงท่อนไม้ผ่านเส้นทางลับแลได้สะดวก
การล่วงเกินครั้งแรกอาจอ้างได้ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ครั้งที่สองศาลก็อาจจะยังพอรับฟังเหตุผล แต่ถ้ามีหนที่สามเมื่อไหร่นั่นหมายถึงโทษประหารโดยไม่รอลงอาญา
การล่วงเกินครั้งแรกอาจอ้างได้ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ครั้งที่สองศาลก็อาจจะยังพอรับฟังเหตุผล แต่ถ้ามีหนที่สามเมื่อไหร่นั่นหมายถึงโทษประหารโดยไม่รอลงอาญา
เพราะการเสพสังวาสกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าถือเป็นการกระทำนอกรีดและเป็นเรื่องที่คนในสังคมส่วนใหญ่พยายามปกปิดในขณะคนที่ส่วนน้อยมองว่าผิดมหันต์และหากดึงดันจะแสดงพฤติกรรมลบลู่กฎหมายก็ต้องเตรียมใจถูกตรวนในสักวัน
ชานยอลยอมรับโดยดุษฎีหากจะมีการลงโทษ คิดว่าความรู้สึกคงไม่ต่างกันเท่าไหร่เพราะยังไงทุกวันนี้ก็โดนล่ามด้วยโซ่ที่เรียกว่าจริยธรรมจนชิน
มีความผิดอีกสักกระทงคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาหนักอกหนักใจในตอนนี้คือจะควบคุมผีร้ายในกายอย่างไร
กลายเป็นตัวเองที่ถูกตามใจ
แม้จะรุนแรงด้วยแค่ไหนแบคฮยอนก็ไม่ปริปากบ่นสักคำ ทำแค่คล้องแขนกับคอแกร่ง
ตัวโยนเพราะแรงกระแทกที่แบ่งช่วงเป็นช้าสลับเร็ว สองขาที่ห้อยต่องแต่งยกขึ้นเกี่ยวเอวสอบเป็นลูกลิง
เอนตัวพิงตอนนั่งหมิ่นเหม่บนท่าน้ำ ไม่ค่อยถนัดแต่ก็พอทำเนา ก่อนจะตัดสินใจอุ้มเข้าเอวแล้วขยับช่วงล่าง
ได้ทดสอบทั้งพลังกำลังขาและแขนไปด้วย ท่านี้ช่วยให้ความสัมพันธ์ยิ่งแน่นแฟ้น แน่นขนัดจนเด็กน้อยหวีดร้องไม่ขาดปาก
ฝังหน้ากับบ่ากว้างด้วยความกระดากอาย
หายใจกระท่อนกระแท่นระหว่างอีกคนแหงนหน้าซูดปาก กำลังเข้าสู่ช่วงกลางถ้ารักษาจังหวะสม่ำเสมอไว้ได้อีกไม่นานคงพิชิตเส้นชัย
รางวัลสำหรับผู้ชนะคือน้ำดื่มแก้กระหาย หลังจากได้เสียเป็นผัวเมียกันทั้งยืน
ชานยอลก็ปล่อยร่างเล็กลงสู่พื้นราบ ให้นอนแผ่กับท่าน้ำแล้วจับสองขาขาวตั้งฉาก เหมือนสุตินารีแพทย์กำลังทำคลอดสอดนิ้วเพื่อวัดระยะห่างของหัวเด็กโดยมีร่างเล็กคอยส่งเสียงครางบอกทางให้กับหมอที่เริ่มคลำมั่วซั่ว
แล้วมุดหัวเข้าใต้กระโปรงอีกครั้งและเลียตามโคนขาด้านในเสียงดัง
สร้างความขัดเขินให้กับแบคฮยอนที่นอนไม่เป็นสุข แถมยังถูกพลิกร่างเหมือนปลาหมึกย่างบนเตาถ่าน
ร่างเล็กนอนคว่ำบนไม้กระดานแล้วค่อย ๆ คลานถอยหลัง หย่อนขาลงน้ำแต่ไม่ถึงกับยืนเหยียบพื้น
ทั้งที่เท่าหัวเข่าแต่จู่ ๆ ก็มีคลื่นยักษ์ซัดเข้าอย่างจังจนกระเทือนทั้งร่าง
เพราะเอวสอบที่เคลื่อนไหวไม่บั้นยะบั้น
ร่างเล็กถึงได้ตกอยู่ในสภาพสั่นเป็นเจ้าเข้าและต้องรีบเอามือเท้ากับขอบไม้ จิตใจร้อนรนเหมือนคนที่กำลังตกนรกมกไหม้
อเวจีสีชมพูเปิดประตูต้อนรับทั้งคู่ทุกเวลาและให้ความรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังเดินอยู่บนสรวงสวรรค์
ชานยอลยัดแก่นกายที่หลุดกลับเข้าไปใหม่แล้วดันเข้าข้างในสุดแรง
แกล้งเว้นจังหวะ ทำช้าลงระหว่างที่ก้นงอนกระดกรับอัตโนมัติ หน้าขากับแก้มก้นบดเบียดกันไปมา
ขยับเขยื้อนด้วยจังหวะจะโคนที่เริ่มพร้อมเพรียงและส่อสำเนียงถูกอกถูกใจเป็นพัก ๆ
เจ้าโลกถูกชักออกจากช่องทางคับแคบอย่างไว ก่อนจะพลิกร่างกายเล็กนอนหงายและให้กระเทิบขึ้นไปนอนดี
ๆ มือใหญ่ประคองแก่นกายป้วนเปี้ยนส่วนปลายอยู่แถวทางเข้าสีแดงก่ำและเสียงทุ้มต่ำคำรามเสียงดังเมื่อสอดใส่แล้วผนังร้อนต้อนรับด้วยการตอดอย่างแรง
แบคฮยอนนอนมองสีหน้าทรมานนั้นด้วยความสนอกสนใจ เด็กน้อยรู้จักที่จะชายตามอง
แต่ก็ต้องรีบหลับตาเพราะแดดแยง เพียงเอนตัวรับแรงกระแทกกระทั้นที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเสมือนเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตแสนสั้น
ชานยอลกดฝ่ามือกับโคนขาขาวในช่วงโค้งสุดท้ายระหว่างเคลื่อนสะโพกไม่ยั้งจนกระทั่งเกิดขีดสุด
รับรู้ได้ถึงสิ่งที่พุ่งกระฉูดออกไป แค่อึดใจเดียวความเสียวก็ช็อตไปทั้งร่างจนได้กลิ่นไหม้จากผิว
ต่างฝ่ายต่างหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อจรวดติดล็อกไม่มีสารคัดหลั่งได้กระเด็นออกมาข้างนอกสักหยดและต้องรอจนกว่าอาการดูดจะทุเลา
ผู้ใหญ่ใช้เวลานั้นทิ้งตัวราวกับอยู่บนเตียงนอน ล้มทับคนที่อ่อนเพลียพอกัน ทั้งยังรู้สึกอึดอัดด้วย
แต่ท่าทางออดอ้อนนอนเกลือกแก้มกับอกแคบไปมาก็พอจะช่วยบรรเทาอาการครั้นเนื้อครั้นตัวไปได้มาก
ร่างเล็กหันมาหัวเราะเพราะรู้จักจั๊กจี้แทน
‘คุณหนูแบคฮยอนคะ…คุณหนู’
เสียงตามสายลมทำให้ฉากที่ควรจะจบด้วยความโรแมนติกกลายเป็นยิ่งกว่าละครแอคชั่น
ตอนที่ป้าแม่บ้านค่อย ๆ เดินผ่านท่าน้ำไปทั้งคู่ก็อาศัยใต้ไม้กระดานเป็นที่ซ่อน
แบคฮยอนหัวเราะคิกคักที่หญิงอายุห้าสิบตอนปลายจับไม่ได้ไล่ไม่ทันแล้วค่อยหันตัวที่นั่งแช่ในน้ำไปมากกว่าครึ่งกลับมาหาชานยอลที่กอดซ้อนหลังไว้
‘แล้วรถใครมาจอดตรงนี้ล่ะเนี่ย’
ผู้ใหญ่ยักคิ้วหลิ่วตาให้เด็กน้อยที่ลอยคอในน้ำและกำลังเล่นเป่าฟอง
‘คุณหนูคะได้เวลาทานข้าวเย็นแล้วนะ’
แสงตะวันลอดมาตามร่องไม้ตอนที่ฝ่ายอายุเยอะกว่าร่วมเล่นเป่าปาก
สร้างฟองได้มหาศาลจนร่างเล็กตื่นตาตื่นใจ เอามือไล่ตะครุบฟองอากาศเป็นพัลวัน แต่ก่อนที่เสียงหัวเราะจะกลายเป็นปัญหา
ราชสีห์ที่วันนี้ยอมลดตัวลงน้ำก็ได้คาบริมฝีปากบางมากินได้ทันท่วงที
ปล่อยให้ผู้หญิงที่หันกลับมามองแล้วพบเพียงความว่างเปล่าเข้าใจว่าตัวเองหูฝาด
ป้าแม่บ้านส่งเสียงเรียกคุณหนูต่อไป
ภาวนาให้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ
แท็ก #ทงจีชานแบค กลับไปที่บทความ https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1657465&chapter=3