คนเป็นปริปักษ์กับผี ยกเว้นเฉพาะวันที่ 31 เดือนสิบของทุก ๆ ปีเท่านั้น
เป็นวันที่มนุษย์สมานฉันท์กับสิ่งลี้ลับ ซ้ำยังแต่งตัวเลียนแบบ
ถอดพิมพ์มาทุกกระเบียดนิ้วจนเหมือนอย่างกับแกะ
ความหมายที่แท้จริงของวันฮาโลวีนถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา
กลายเป็นเพียงเทศกาลปล่อยผีที่ไม่ว่าใครหรือช่วงอายุไหนก็สามารถเข้าร่วมได้และไม่มีกฎตายตัวให้ปฏิบัติตาม
ร่วมสนุกเพื่อความบันเทิง จะแต่งกายเลียนแบบคาแรคเตอร์ตัวละครตัวโปรดก็ย่อมได้
ขอแค่ไม่ไล่ฆ่าคนตามบทบาทฆาตกร หลอกหลอนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแต่พอดีและมีขอบเขต
ปาร์คชานยอลกับโอเซฮุนก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแต่งคอสเพลย์และเดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนโดยที่ไม่มีใครสักคนจำได้ว่าเป็นคนดัง
ทั้งคู่ได้หน้ากากยอดมนุษย์ช่วยไว้และมันก็ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิมเป็นกอง
พอไม่ต้องเป็นตัวเองแล้วก็สนุกดี มีอิสรเสรีที่จะกระทำอะไรก็ได้
เดดพูลตัวสูงใหญ่ในชุดยูนิฟอร์มเต็มยศกับสไปเดอร์แมนไหล่กว้างที่สวมชุดรัดจนเห็นสัดส่วนชวนกันบุกเมืองที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนอย่างสันติ
เดินไปตามทางที่คับคั่งด้วยนักท่องเที่ยวและยอมให้คนแปลกหน้าเกี่ยวแขนถ่ายรูปโดยไม่คิดเงินสักวอน
ไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดง ผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและไม่นึกว่าตัวเองกำลังโชคดีแบบสุด
ๆ เรียกว่าทำบุญมาดี …แต่ทุกอย่างก็มีเวลาจำกัดของมันเสมอ
ชั่วโมงคืนความสุขให้แก่ประชาชนไม่คงอยู่ตลอดไป
หลังจากตะเวนเดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศและเป็นแบบให้คนอื่นลั่นชัตเตอร์ใส่จนผิวกายใต้ร่มผ้าแอบชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ก็ตัดสินใจกลับ เพิ่งคิดถึงใจหัวหน้าวงที่คงไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่แอบออกมาเล่นซนในยามวิกาล
ชานยอลขึ้นนั่งประจำตำแหน่งพลขับก่อนแล้วค่อยถอดหน้ากากจนเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา
ส่วนเซฮุนถอดหน้ากากก่อนจะเข้ามานั่งในรถและบ่นว่าร้อนตามประสา
อยากจะกลับหอเต็มแก่ คนอายุมากกว่าเลยแหย่ว่าถ้ารีบนักทำไมไม่พ่นหยอกไย่แมงมุมออกมา
“ถ้ามันทำได้ผมทำไปแล้วฮยอง” ตลอดทางทั้งสองคนเอาแต่พูดจ้อไม่หยุด
เสียงก้องห้องโดยสาร มีแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่กวนประสาทกันไปมา นอกนั้นอะไรก็ฉุดไม่อยู่เมื่อพูดถึงความตื่นเต้นจากการที่กลัวว่าจะมีคนจับได้
ไหนจะเหตุการณ์ประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้นภายในสองสามชั่วโมงก่อน ทั้งตลกทั้งชวนพิศวง
คงเป็นประสบการณ์ที่อย่างมาก็มีได้แค่ปีละครั้ง
“ฝันดีฮยอง”
น้องเล็กเซฮุนที่เดินนำร่องผ่านเข้าประตูห้องก่อนร้องบอกคนเดินตามที่กำลังจะเหยียบธรณีประตู
แต่จู่ ๆ ก็เดินถอยหลังออกมาเมื่อหางตาเหลือบเห็นบางอย่างตรงทางประตูบันไดหนีไฟ
เห็นข้างหลังของผู้หญิงผมยาวในชุดนอนสีขาวเปื้อนเลือดเป็นดวงด้าง
คนพบเจอกับเหตุการณ์ระทึกขวัญหายจากอาการง่วงเหงาหาวนอนเป็นปลิดทิ้ง
ขณะยืนนิ่งงัน ขนอ่อนก็ลุกชันอย่างพร้อมเพียง ความกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และคิดเป็นตุเป็นตะไปแล้วว่านั่นคือวิญญาณเร่ร่อน
แต่แล้วชานยอลก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความฉงนเมื่อสิ่งที่ไม่รู้ว่าตกลงเป็นคนหรือผีมีเสี้ยวหน้าด้านข้างคุ้น
ๆ ตา คับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นคนรู้จัก แม้จะมีเมคอัพบดบังก็ยังพอเห็นเคล้าลางเดิม
ชานยอลตัดสินใจสวมหน้ากากอีกครั้ง ความสงสัยผลักดันให้เริ่มออกเดินอย่างไม่รีบร้อนตอนที่หญิงสาวปริศนาเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
มือเรียวเปิดประตูบันไดหนีไฟและก้าวนำไปหลายวา
มือใหญ่ภายใต้ถุงมือคว้าบานประตูที่ใกล้ปิดตัวลงไว้ได้ทันและเดินตามลงบันไดโดยทิ้งระยะห่าง
ระหว่างมองด้านหลังที่บอบบางก็นึกชื่อคนที่เคยผ่านตาไปด้วย เจ้าตุ๊กตากระต่ายที่ถูกลากและกระเด้งไปตามขั้นปูนที่ค่อนข้างชันเหมือนจะช่วยเตือนความจำ
แต่สุดท้ายก็เก็บงำคำตอบมาจนถึงลานจอดรถที่ปลอดคน อดกลั้นที่จะไม่หัวเราะ
ขอยิ้มมุมปากแทนก็แล้วกัน
“ติดใจการแต่งหญิงแล้วหรือไง …พยอนแบคฮยอน”
ชื่อบุคคลที่สามทำเอาหญิงสาวนิรนามหยุดอยู่กับที่
แล้วแทนที่จะเล่นบทวิญญาณอาฆาตที่ต้องการมาทวงความยุติธรรมต่อไป กลับเฉลยปมง่าย ๆ
แถมไม่มีการหักมุมให้พอขวัญผวา ประเด็นคือร่างบางหลอกล่อให้อีกคนออกมาจากถ้ำได้สำเร็จแล้วต่างหาก
“ว้า ถูกจับได้แล้วเหรอเนี่ย”
แบคฮยอนกลับหลังหัน
พอดีกับที่ชานยอลเดินเข้ามาประชิดและถึงจะมีหน้ากากปิดหน้า คนตัวเล็กกว่าก็เชื่อว่าอีกคนกำลังมองหน้าตนอยู่อย่างแน่นอน “ฉันจะเล่นหลอกผีบ้างไม่ได้หรือไง
ทีพวกนายสองคนยังแอบหนีไปเที่ยวเล่นข้างนอกเลย”
“น้อยใจ…?”
“พูดอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ถนัด”
รีบทัดผมที่ยาวปะบ่าแล้วหันใบหูเข้าหาอีกคนหวังจะให้ช่วยพูดทวนอีกรอบ
ซึ่งเสียงทุ้มก็ยอมเปล่งอีกครั้งแต่เป็นประโยคที่ต่างออกไป
“คิดถึงกันละสิ” คราวนี้กระซิบชิดใบหู ดูสิว่าจะยังแกล้งไม่ได้ยินอยู่ไหม
ร่างบางที่ถูกจับไต๋ได้และขี้เกียจจะประวิงเวลาต่อไปใช้การกระทำที่แสนอุกอาจตอบแทนว่าคิดถึงแทบขาดใจ
ก่อนจะสมมาดนางร้ายผู้กร้านโลก ดึงชุดนอนลงจากไหล่เล็กน้อย กะตำแหน่งของริมฝีปากหนาก่อนจะเขย่งเท้าแล้วค่อยประกบจูบกับผ้าที่แนบเป็นเนื้อเดียวกับรูปหน้าสมสัดส่วนอย่างนาบแน่นและคว้าท่อนแขนยาวมาโอบรอบเอวตัวเอง
ระหว่างละเลงริมฝีปากกับความสากของของเนื้อผ้าจนเสียรูปทรง
มีการลงลิ้นอย่างยั่วยวน เชิญชวนอย่างตรงไปตรงมาด้วยการดุนปลายลิ้นกับความนูนที่ขึ้นรูปร่างอย่างชัดเจน
จนอีกคนไม่สามารถทนเฉย เอ่ยเสียงทุ้มต่ำลอดมาตามตะเข็บผ้า
“ถอดหน้ากากให้หน่อย” บ่อยครั้งการเป็นคนดังก็บังคับให้ต้องสวมหน้ากากเวลาอยู่ต่อหน้าธารกำนัล
แต่กับคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ชานยอลไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาสวมใส่เพื่อปกปิดตัวตน
สามารถเปิดอกและเปลือยกายได้อย่างสนิทใจ ไม่ต้องพยายามเป็นใครที่ไม่อยากเป็น
อยู่ด้วยกันมาจนรู้เช่นเห็นชาติ แค่อ่านสายตาก็รู้ถึงนัยยะสำคัญ
ขนาดมีผ้าขวาง ก็ยังรู้ว่าแบคฮยอนปรารถนาถึงสิ่งใด
นัยน์ตาวาววับประดับด้วยความซื่อตรงต่อเรื่องทางโลกที่ปกติใครเขาก็ทำกัน
พอปาร์คชานยอลอยู่ในชุดสุดเท่แบบนี้ยิ่งใจระส่ำ
อยากตกอยู่ในอันตรายเพื่อให้พ่อซุปเปอร์ฮีโร่ปกป้อง แค่ลองวาดภาพกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้ร่มผ้าแล้วหน้าแก้มก็เห่อร้อน
ใจจริงอยากช่วยถอดมากกว่าหน้ากาก แต่ก็ยังพยายามสงวนท่าทีไว้จนวินาทีสุดท้าย
ร่างบางเลิกหน้ากากขึ้นจนเผยให้เห็นริมฝีปากที่กำลังเคลื่อนไหว
“ไปขโมยลิปสติกสีแดงใครที่ไหนมาทา”
“จิ๊กมาจากโคดี้นูนา” ลอยหน้าลอยตาตอบอย่างภาคภูมิใจ ชุดนอนที่ใส่กับวิกก็ซื้อต่อมาจากช่างแต่งหน้าประจำวงเหมือนกัน
ส่วนสีแดงชานบนชุดเป็นสีน้ำแอบทำอยู่ตั้งนาน
“แล้วนี่แต่งเป็นผีอะไร ให้ทายเป็นผีตายท้องกลมชัวร์”
“เดี๋ยวเถอะ” ก่อนจะเจอฤทธิ์เดชของผีตายท้องกลมจัดการ ชานยอลก็ฉวยโอกาสประกบปาก
เสียงจุ๊บดังจ๊วบตามด้วยเสียงหัวเราะแผ่วเบา สองกลีบปากต่างขนาดกระเซ้าเย้าแหย่กันไปมา
ไล่งับกับกัดตอบระคนทีเล่นทีจริง แต่ถ้าเหลือบมองสิ่งที่สะท้อนอยู่ในแววตาจะรู้ว่าทั้งคู่พร้อมกระโจนใส่กันมากกว่าที่ใครจะจินตนาการภาพออก
จูบครั้งแรกเป็นแค่การหยอกล้อธรรมดา
ครั้งที่สองสิเรียกว่าเอาจริง
อย่างหนึ่งที่เรียนรู้ได้จากการจูบกันบ่อย ๆ คือจะไม่มีใครยอมถอยก่อนเพราะต่างก็ร้อนวิชาจากประสบการณ์คราวที่แล้ว
จนแว่วเสียงดังกังวาน ดูดดื่มชนิดที่ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าโลกจะแตกเลยต้องกอบโกยเสบียงเพื่อกักตุน
ถ้ากลีบปากพูดได้มันคงรีบระบายความอัดอั้นผ่านเสียงสั่นเครือว่าพอทีพวกกลัดมัน
ฉันเจ็บปวดจากการโดนเสียดสีเหลือเกิน ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อรับแรงบดขยี้ขนาดนี้นะ
เพลา ๆ ลงหน่อยเถอะ ถือว่าขอ
แต่เหมือนว่าเสียงอ้อนวอนจะดังไม่พอกลบเสียงครวญคราง
แล้วก็กลายเป็นถูกมองข้าม พวกหักห้ามใจไม่เป็นมีหรือที่จะจู่ ๆ
ก็เกิดความเห็นใจคนอื่นขึ้นมา มีแต่จะเตลิดไปกันใหญ่เพราะไม่มีใครคิดหยุดใคร ณ
วินาทีต่างก็เอาความพึงพอใจเป็นที่ตั้ง
ชานยอลรีบดึงหน้ากากที่ค้างเติ่งบริเวณสันจมูกออกทางหัวอย่างรวดเร็วแล้วค่อยดันร่างบางเข้าหาเสาปูนเพื่อหลบมุมกล้องวงจรปิด
ก่อนดวงหน้าที่ซีดเพราะแป้งเบอร์ขาวสุดจะเต็มไปด้วยจุดด่างพร้อยสีแดงฉาน
ริมฝีปากหนาที่เปื้อนคราบลิปสติกบดกับทุกอณูผิวละเอียดที่เคลื่อนผ่าน
ละเลียดรสชาติเนื้อสดที่ควรจะเหม็นคาวแต่กลับหอมชุ่ยราวกับผ่านการปรุงสุกมาอย่างถูกวิธี
แบคฮยอนไม่ต่างจากเนื้อที่ถูกความร้อนตุ๋นจนเปื่อย
เนื้อตัวห้อมล้อมไปด้วยไฟอุณหภูมิหลายสิบองศา ร้อนรนจนใกล้ได้เวลาพร้อมรับประทาน
ชานยอลปอกเปลือกชั้นนอก ค่อย ๆ ลอกคราบจนหัวไหล่ขาวนวลลอยเด่นแตะตาและเกือบจะจับร่างบางแก้ผ้าท้าลมหนาวอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงร้องเดี๋ยวขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“เดินล่อฉันมาตั้งไกลไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอกเหรอ”
ถามด้วยความไม่เข้าใจในขณะที่มือไม้ยังรุงรัง
ริมฝีปากเองก็ป้วนเปี้ยนแถวแอ่งชีพจร กอดรัดร่างผอมบางจนกระดูกแทบหักคาวงแขน
แน่นพอ ๆ กับตอนที่แก่นกายถูกความอ่อนนุ่มล้อมหน้าล้อมหลัง ส่วนร่างบางก็ดึงเสื้อที่ตกลงจากไหล่ขึ้นมาแล้วรีบเสนออะไรที่มันรุดกุมขึ้นมาหน่อย
อย่างน้อยก็ดีกว่าการทำในที่โล่งแจ้ง เหยียดแข้งเหยียดขาลำบากก็ยังพอทนไหว “ในรถ…?”
เสียงปลดล็อกดังขึ้นทันทีเหมือนอีกคนรอฟังประโยคนี้มาโดยตลอด
แบคฮยอนได้รับอนุญาตให้ทำเลอะเทอะได้ตามสบายแลกกับการให้เจ้าของรถจับและลูบคลำตามเรือนร่างกึ่งเปลือยนิด
ๆ หน่อย ๆ จากน้อยไปมากตามลำดับ แล้วลามไปถึงการซุกไซ้ ผู้ชายสองคนยึดเบาะหลังเป็นเวทีแสดงหนังสด
อิงบทหญิงสาวที่ถูกยอดมนุษย์ช่วยไว้จากเหล่าร้ายและกำลังตอบแทนแก่ความมีน้ำใจนั้นด้วยการหันกลับหลัง
ก่อนจะนั่งทับดาบขนาดย่อของพ่อเดดพูลที่ปลดยูนิฟอร์มกองไว้กับหัวเข่า
หญิงสาวที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะทดสอบสมรรถภาพและความอึดของซุปเปอร์ฮีโร่หัวใจพองโตและตื่นเต้นเกิดบรรยายระหว่างยักย้ายสะโพกเล็กน้อย
ค่อย ๆ นาบแก้มก้นกับต้นขาหนา กระตุ้นความกำหนัดด้วยการลงน้ำหนักและถูไถ ก่อนจะถูกฟาดเข้าที่บั้นท้ายดังเพี้ยะ
โทษฐานทำตัวร่านสวาทและน่าหมั่นไส้
ชานยอลไม่ปล่อยให้คนร้ายกาจลอยนวลได้นาน ในนามของผู้ผดุงคุณธรรมจึงจับร่างบางสำเร็จโทษท่ามกลามเสียงโอดครวญไม่เป็นประโยค
สะโพกมนถูกดันขึ้นพอให้อวัยวะที่ยื่นออกจากร่างกายได้มีโอกาสตั้งตรง แก่นกายสูดอากาศปลอดโปร่งเข้าไปจนพอง
แล้วกระบองนั้นก็ถูกใช้ฟาดก้นกลมกลึงอีกหลายที
หลังจากลีลาอยู่นาทีกว่า เสียงเอะอะโวยวายกลายเป็นเสียงเครือเมื่อค่อย
ๆ ทิ้งตัวบนหน้าตักแข็ง แบคฮยอนเสียจริตไปชั่วขณะเพราะขนาดที่ไม่ใช่เล่น ๆ
ของอีกคน แก่นกายค่อย ๆ กลืนหายไปตรงหว่างก้น โดนกินจนไม่เหลือหลักฐานและถูกความแน่นตอดรัดจนเส้นประสาทในสมองตึงเครียดไปหมด
เสียวซ่านตั้งแต่เส้นผมจรดปลายนิ้วเท้า
ว่ากันว่าถ้าเป็นทั้งนักร้องและนักเต้นจะเก่งการเข้าจังหวะ
อาจจะมีคร่อมคีย์บ้างแต่ก็เป็นแค่เฉพาะช่วงที่ยังเพิ่งเริ่มต้น พอพ้นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อไป
อะไร ๆ ก็ลื่นไหลอย่างกับได้น้ำมันมาหล่อเลี้ยง จังหวะที่เคยสะดุดและติดขัดจนน่าหงุดหงิดใจถูกการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วเข้าแทนที่
หมดแล้วซึ่งยางอาย วางศักดิ์ศรีไว้นอกรถและเหลือไว้แค่คนร่านรัก
แบคฮยอนขยับสะโพกอย่างเอาเป็นเอาตาย เรียกว่ากำลังเมามันเห็นจะได้
ส่วนชานยอลที่เป็นฝ่ายอยู่เฉยก็เอาแต่เอื้อนเอ่ยไม่เป็นภาษา
แหงนหน้ามองเพดานรถตอลอยแล้วค่อยปิดเปลือกตา ดื่มด่ำกับเรื่องอย่างว่าจนหนำใจพลางคิดอะไรพิเรนทร์
ๆ ออก ลืมตามองก้นที่ยักย้ายทำงานสายตัวแทบขาดแล้วฟาดแรง ๆ จนผิวบริเวณนั้นแดงระเรื่อ
มือใหญ่ควานหาหน้ากากแล้วสวมมันอีกครั้งอย่างนึกสนุกและเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกโดยไม่บอกร่างบางสักคำ
กลับมานั่งหลังเหยียดตรงแล้วยึดเอวคอดของคนร้องเสียงหลงไว้
เจอสวนคืนเข้าไปถึงกลับน้ำลายฟูมปาก นั่งไม่ติดเบาะเพราะเจ้าของแก่นกายที่ให้ยืมขย่มในตอนแรกจู่
ๆ ก็แย่งอำนาจการควบคุมไปหน้าตาเฉยและลงเอยที่ระบอบเผด็จการ
แข็งแกร่งไปทุกส่วน แม้แต่หัวจรวดขัดเงาก็ไร้เทียมทานสมคำล่ำลือ
ฝ่ามือเรียววางบนหัวเข่าด้านเมื่อต้องการที่ยึดเหนี่ยว
เหลียวมองหน้ากากเดดพูลด้วยสายตาออดอ้อนยามก้นกลมกลึงกระเด้งไม่หยุดหย่อน แบคฮยอนเอนตัวไปข้างหน้าและคว้าอะไรสะเปะสะปะ
แนบฝ่ามือกับหน้าต่างรถบ้าง หาที่วางมืออย่างร้อนรนจนหนัก ๆ เข้าก็ยึดเบาะฝั่งผู้โดยสารกับคนขับไว้แล้วปล่อยร่างกายไปตามธรรมชาติ
ร่างบางไม่อาจฝืนชะตากรรมยามที่ชานยอลล็อกเอวด้วยมือข้างหนึ่งและอีกข้างใช้คลึงบั้นท้ายอวบอิ่ม
บีบระคนเค้น แหวกร่องก้นเพราะอยากจะเห็นตอนของสงวนของตัวเองถูกกลืนกินอย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตา
นั่นทำให้อารมณ์ยิ่งพุ่งพล่านเกินทานทนจนเผลอปลดปล่อย
แรงกระแทกไม่น้อยทำเอาแบคฮยอนตัวโยน ขนลุกและหวาดผวา
ร่างกายพุ่งไปข้างหน้า ดีว่ายังยึดเบาะหนังไว้และร่างบางไม่รู้จะแก้เผ็ดกับความรุนแรงนี้อย่างไรจึงป้ายน้ำลายลงบนเกียร์
ลดหน้าลงเลียมันเสมือนว่ากำลังเลียไอ้นั้น จนชานยอลหลุบมองด้วยสายตาอาฆาต หวงของน่ะก็ใช่และของที่ว่าก็ไม่ใช่อุปกรณ์ที่ติดมากับรถ
แต่เป็นคนช่างยั่วต่างหาก
สะโพกมนถูกดันไปมาอีกครั้งอย่างเนิบนาบ เรือนกายล่อนจ้อนเขยื้อนตามการชักนำ
โยวหน้าโยวหลังชั่วครู่แล้วจู่ ๆ แรงผลักนั้นก็หายไป
ที่หยุดกลางครันเพราะไม่พอใจเอามาก ๆ
“ดูดเพลินเลยนะ” น้ำเสียงเหน็บแนมลอยมาแต่ไกล
จนแบคฮยอนยอมคายเกียร์ที่กำลังอมเล่น
“อิจฉาก็บอก”
สวนด้วยเสียงสองที่ดัดมาเพื่อกวนประสาทด้วยเฉพาะ หันกลับมาเห็นอีกคนถอดหน้ากากนั่งหน้างอก็หัวเราะเบา
ๆ
ร่างบางค่อย ๆ ลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนท่า ขาที่ถ่างยังหุบไม่ลงทรุดลงตรงที่วางเท้าก่อนจะคว้าเจ้าโลกมาลูบหัวปลอบใจและมองด้วยสายตาเอ็นดู “ขอโทษนะที่ฉันละเลยนายไป” พูดกับแก่นกายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วเค้นด้วยมือตั้งแต่โคนขึ้นมาอย่างชำนาญ
มีการจูบส่วนปลายด้วยความรักแล้วระหว่างที่ใช้ปากอมจนแก้มตอบก็ช้อนสายตามองสีหน้าชื่นชอบและพออกพอใจของชานยอลไปด้วย
การง้อแบบถึงเนื้อถึงตัวช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาดและมันดีมาก ๆ ทุกครั้งที่ร่างบางใช้ลิ้นอย่างแพรวพราว
มือสาวแก่นกายแล้วใช้ปากรูด ดูดจนเกิดเสียง
เอียงหน้าแทะไอตินโคนอย่างเอร็ดอร่อยแล้วค่อยถุยน้ำลายรดจนชุ่มฉ่ำ ก่อนจะวนกลับไปที่การอมเต็มปากเต็มคำ
จนเกือบทำชานยอลหลั่งคาปาก ดีว่าชักออกมาทัน น้ำสีขาวขุ่นจึงแตกกระจัดกระจายบนใบหน้าขาวนวลแทน
แก่นกายที่ยังรักษาขนาดเดิมไว้ได้เสมอต้นเสมอปลายถูกจับยึดไว้มั่นอีกครั้งหลังเจ้าของมือเขยิบขึ้นมาคุกเข่าคร่อมหน้าตักและต่างคนต่างมองไอ้นั้นโดนเขมือบอย่างเลือดเย็นจนหายไปทั้งแท่ง
ความแข็งแรงแยงอยู่ตรงหว่างขา ค้ำจนต้องอ้ากว้าง ๆ แล้วค่อยทิ้งน้ำหนักนั่งลงรวดเดียวอย่างไม่กลัวว่าความเสียวจะเล่นงานจนเกือบเป็นบ้า
แบคฮยอนเริ่มขยับ ให้ความตีบปรับตัวและอยู่ร่วมกับสิ่งแปลกปลอมให้ได้
ค่อย ๆ ขย่มน้องชายที่ชานยอลรักนักนักหนา จำลองภาพในห้องว่าตัวเองกำลังควบอาชาไนยที่แสนพยศจนนานวันเข้ามันก็ยอมสิโรราบให้กับความมุมานะ
ร่างบางเป็นตัวอย่างของคนที่พยายามจนได้ดิบได้ดี หากมีความมุ่งมั่นสักวันก็จะได้รับการตอบแทนที่น่าพึงพอใจ
เหมือนการที่ได้ปาร์คชานยอลมาครอบครอง ผู้ชายมองโลกในแง่ดีที่ใช้ฟันคมกัดเนื้อติดมันจนจมเขี้ยว
ชอบเกี้ยวพาราสีทางสายตาขณะมือไม้ไวอย่าบอกใคร เผลอแป๊บเดียวก็คว้าหัวใจดวงน้อยไปถือ
พยอนแบคฮยอนกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายยิ่งทรมาน
มือใหญ่จับผมยาวทัดใบหูขาวให้อย่างอ่อนโยน
หลังจากจดจ้องเมียงมองกันอยู่เล็กน้อย สองใบหน้าค่อยเคลื่อนเข้าใกล้กันและกระชับความสัมพันธ์ด้วยการใช้ทูตพิเศษ
ต้อนรับอย่างเป็นมิตรแล้วหาน้ำหวานให้กินเสร็จสรรพ
ช่วงบนปรากฏบรรยากาศชวนฝันขัดกับช่วงล่างที่ยังประกอบกิจกามอย่างดุเดือด
ณ ลานจอดรถที่เงียบสงัด มีรถคันหนึ่งกำลังโคลงแคลงราวกับถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดอยู่ตลอด
ดูจากภาพในกล้องวงจรปิดนึกว่ามีแผ่นดินไหว วิญญาณเฮี้ยนทำรถสั่นสะเทือนไปทั้งคัน
ตำนานรถผีสิงจะเป็นที่โจษจัน
เช้าวันพรุ่งนี้พวกผีไม่มัวจะต้องได้รับรู้เรื่องนี้กันอย่างทั่วถึง!
ตำนานรถผีสิงจะเป็นที่โจษจัน
เช้าวันพรุ่งนี้พวกผีไม่มัวจะต้องได้รับรู้เรื่องนี้กันอย่างทั่วถึง!
ตุ๊กติ๊กทอร์ค
มัวมาก เรียกว่าไปกันคนละทิศคนละทาง ประเด็นหลักไม่มีอะไร แค่คนแต่งมันอยากแต่งเอ็นซีเท่านั้นจ๊ะ555555555555555555 มาสั้นๆ กรุบกริบ หวังว่าจะถูกใจกันเด้อ