“ลมอะไรหอบแกมาวะไอ้เสือ”
“แค่เบื่อ ๆ น่ะ”
“เลยถ่อสังขารมาถึงบ้านนอก…?”
“ก็ไม่เชิง ความจริงแกก็รู้เหตุผลที่ฉันมาดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“บอกตามตรงนะว่าฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
“แต่บริษัทจำเป็นต้องมีผู้สืบทอด”
“คนพวกนั้นก็เลยส่งที่ปรึกษาผู้เก่งกาจอย่างแกมาเกลี่ยกล่อมฉันสินะ”
ปาร์คชานยอลลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของเพื่อนรักวัยสามสิบห้าที่ละทิ้งสมบัติพัสถานมากมายของครอบครัวไว้ในเมืองกรุงแล้วมุ่งหน้ามาอาศัยในป่าดงพงไพรโดยให้เหตุผลว่าเบื่อความวุ่นวายและขยะแขยงความไม่เป็นมิตรของผู้คน
จะไม่มีใครสนใจเลยสักนิดหากชีวิตของคนอีกนับพันไม่ได้กำลังขึ้นอยู่กับผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม
บริษัทใหญ่ยักษ์จะเดินหน้าลำบากหากขาดผู้นำที่ถูกวางตัวไว้แล้วตั้งแต่ถือกำเนิด
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเกิดมาพร้อมกับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและต้องยอมเห็นแก่ส่วนร่วมมากกว่า
กลับกลายเป็นว่าเลือกความสุขส่วนตัว ระหกระเหินเดินทางมาไกลเพื่ออยู่กับต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่ได้ให้อะไรมากไปกว่าออกซิเจนบริสุทธิ์
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์อีกหลายชีวิตมีกิน
“ลูกสาวแกเป็นยังไงบ้างวะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”
“ใจคอแกจะไม่คุยเรื่องอื่นกับฉันเลยหรือไง”
จนปัญญาจะต่อล้อต่อเถียง
ทำได้เพียงไหลไปกับบทสนทนาหัวข้อใหม่ “ก็สบายดี”
“เป็นสาวแล้วล่ะสิท่า”
“เด็กสมัยนี้โตไวจะตาย” โดยเฉพาะพวกเด็กในเมืองที่เติบโตแบบก้าวกระโดดและใช้ชีวิตโลดโผนโจนทะยานเกินกว่าวัยในป่าคอนกรีตที่ไม่ได้มีแค่นายพราน
ยังมีสิงสาราสัตว์อีกหลายชนิดที่พร้อมเป็นมิตรด้วยหรือพร้อมช่วยเหลือเพื่อลวงหลอกไปฆ่าจ้องจะเขมือบ
ชานยอลยกแก้วกาแฟจิบไปพลางระหว่างกวาดสายตามองบริเวณบ้านโดยรอบที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ
อากาศตรงชานระเบียงเย็นสบายจนหนุ่มใหญ่ค่อย ๆ ปล่อยใจไปกับสายลม
ทรงผมที่เซตมาอย่างดีขยับเอื่อย ๆ เป็นจังหวะเดียวกับใบไม้ไหว
“แล้วไม่คิดจะหาแม่ใหม่ให้ลูกบ้างเหรอวะ”
“จะมีใครอยากแต่งงานกับพ่อหม้ายเมียตายบ้างล่ะ”
“ในกรณีของแกฉันว่ามีเยอะ”
คำว่า ‘พ่อหม้ายเมียตาย’ ไม่เหมาะกับคนที่บางวันก็รับจ๊อบเป็นนายแบบกิตติมศักดิ์เท่ากับคำว่า
‘พ่อหม้ายพราวเสน่ห์’ ที่ใครเห็นเป็นอันต้องเหลียวหลังมอง
ด้วยความที่หล่อเหลาเอาการจนต้องตาบรรดาช่างกล้องทั้งหลายจนได้ลงปกนิตยสารธุรกิจ บอกเล่าชีวิตส่วนตัวเล็กน้อยแค่พอให้น่าติดตาม
อาชีพการงานที่มั่นคงช่วยส่งเสริมความภูมิฐาน จนผู้หญิงหลายคนแทบไม่สนใจประวัติที่ว่าเคยแต่งงานมาก่อน
แค่อยากนอนทอดร่างให้ฟรี ๆ เพื่อทดสอบความชำนาญทางการเพศหลังได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างผ่านปากต่อปากว่าเด็ดนักเด็ดหนา
“มีตาก็หัดใช้มองซะบ้างสิวะ
ผู้หญิงรอบตัวแกจ้องแต่จะจับแกกันทั้งนั้น”
“แต่ฉันไม่สนว่ะ” ชานยอลยักไหล่ไม่ยี่ราระหว่างนั่งไขว้ห้าง
ท่าทางเฉยชาขับให้ดูน่าหมั่นไส้ ใครคนอื่นมาเห็นเข้าคงไม่พ้นกลอกตาบนแต่เผอิญว่าอีกคนเป็นถึงสหาย
ชินกับนิสัยใจคอเกินกว่าจะเก็บมาถือสาให้เป็นเรื่องเป็นราว
ได้แต่ยิ้มเศร้าให้กับตัวเอง “อยากได้คนไหนก็แค่หิ้วขึ้นห้อง ชีวิตที่ไม่ต้องมีข้อผูกมัดคงมีความสุขกว่าเป็นไหน
ๆ สินะ ฉันล่ะอิจฉาแกจริง ๆ”
“ก็หาผู้หญิงดี ๆ สักคนมาอยู่ด้วยกันซะสิ” คนมีประสบการณ์แนะนำ
แล้วช่วงขยับเปลี่ยนท่านั่ง
หางตาก็เหลือบเห็นใครบางคนอยู่ที่ด้านล่างกำลังเขย่งปลายเท้าเปล่าเดินบนยอดหญ้าระหว่างกำชายกระโปรงที่ยกขึ้นสูงถึงต้นขาไว้
ก่อนคนที่ดูอ่อนวัยกว่ามากจะยักย้ายร่างกายเชื่องช้าเสมือนดอกหญ้าต้องลมและเต้นรำท่ามกลางป่าเขียวขจี
ความขาวผ่องของผิวพรรณที่โผล่พ้นชุดสีขาวทำเอานัยน์ตาดำด้านไม่อาจละสายตา
สรีระบอบบางช่างน่าหลงใหล ความพลิ้วไหวในการส่ายสะโพกตรึงใจเสือป่าผู้กระหายเนื้อสดได้อยู่หมัด
จนชั่ววูบหนึ่งเกิดแรงพิศวาสกับคนที่กะขนาดตัวจากสายตาแล้วก็เข้าใจว่ายังเด็ก
ยามที่รู้สึกตัวว่ามีสายตาอื่นจดจ้อง
สองขาเล็กก็หยุดขยับ… หลังจากที่เอาแต่หลับตาเงยหน้าสู้แสงตะวันก็ได้ฤกษ์ลืมตาอวดสีเลนส์พร้อมกับเห็นว่ามีผู้ชายแปลกหน้านั่งมองลงมาจากชานระเบียงชั้นสอง
…นั่นนับเป็นครั้งแรกที่เห็นการมีตัวตนอยู่ของกันและกัน
แต่เพราะชานยอลอยู่สูงกว่าจึงมองดวงหน้าจิ้มลิ่มได้ถนัดถนี่
กลีบปากสีเชอรี่ชวนให้อยากชิมความเปรี้ยวอมหวาน แล้วความกำหนัดก็ถูกปลุกสัญชาตญาณดิบลุกฮือแค่เพราะมือเล็กถกชายกระโปรงขึ้นสูงกว่าเดิมและเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ร่างเล็กสร้างจังหวะขึ้นมาเอง เต้นตามบทเพลงล่องหนเพื่อทำการแสดงต้อนรับแขกที่มองตามความอ่อนเยาว์ตาไม่กะพริบ
ก่อนจะรีบออกปากถามเพื่อนด้วยความสนใจ
ยอมละสายตาออกชั่วคราว “เด็กนั่นใคร”
“เด็ก…?” สหายย่นหัวคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “ไหน” แล้วหันใบหน้ามองตามแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
ไม่เห็นจะมีเด็กสักคนอย่างที่เพื่อนกล่าวถึงเลย “แกตาฝาดแล้วละมั้ง”
ถึงความว่างเปล่าจะเข้ามาแทนที่ที่ร่างเล็กเคยอยู่
แต่ชานยอลก็เชื่อว่าหูตาตัวเองไม่ได้ฝ้าฝางขนาดเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะอยู่ตั้งนานสองนาน
“ฉันเห็นจริง ๆ
เด็กผู้หญิงตัดผมสอยสั้นประมาณนี้”
“แต่ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวจำไม่ได้เหรอเพื่อน…”
ความจริงที่ต่างรู้กันดีทำให้ชานยอลกลายเป็นผู้ชายที่ช่างเพ้อฝันไปโดยปริยาย
ประเด็นเห็นเด็กผู้หญิงปริศนาเป็นอันตกไป แต่ก็ไม่วายถูกเพื่อนล้อว่าสงสัยจะเห็นนางไม้
ให้ระวังตอนกลางคืนจะโดนหลอกไปฆ่าในป่า เสียงทุ้มต่ำตอบกลับติดตลกแค่ว่าจะระวังตัวไว้
แล้วหลังจากคุยกับสหายอีกไม่กี่ประโยค
หนุ่มใหญ่ที่รู้สึกค้างคาใจก็ขอตัวลงมายังด้านล่าง อ้างว่าอยากสูญอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย
ยืนมองซ้ายมองขวาแล้วค่อยนั่งยอง ๆ จ้องที่พื้นดินซึ่งปรากฏรอยเท้าเปล่าของมนุษย์ไม่ผิดแน่
“ไอ้เสือ ฉันโทรบอกให้ป้าแม่บ้านเข้ามาจัดห้องให้แล้วนะ”
เสียงตะโกนจากชั้นสองเรียกให้คนรีบลุกขึ้นยืนหันมองและพยักหน้าเป็นอันรับรู้
ตอนแรกการค้างคืนไม่ได้อยู่ในกำหนดการที่ชานยอลวางไว้
แต่เมื่อความอยากรู้อยากเห็นเป็นใหญ่กว่าความรู้สึกอะไรทั้งหมด
ปกติเป็นคนสงสัยอะไรต้องได้คำตอบจึงยอมเสียงานเสียการหนึ่งวัน ค่อยกลับในวันถัดไปเพื่อแลกกับการที่อาจจะไม่หรือได้เจอกับเด็กผู้หญิงที่วิ่งหนีไปในตอนเที่ยงวันและฝากไว้เพียงรอยเท้าให้ดูต่างหน้า
คุณพ่อโทรหาลูกสาวเพื่อแจ้งข่าวการเดินทางกลับที่เลื่อนออกไปและบอกฝันดีปิดท้าย
ชานยอลที่สวมใส่ชุดนอนของสหายปิดไฟสีส้มพลางล้มตัวลงนอนบนเตียงห้าฟุตที่พอเหยียดขายาวก็สุดขอบเตียงพอดี
เข้านอนไวแต่เวลาผ่านไปนับชั่วโมงก็ยังไม่มีวีแววว่าจะง่วง จนเวลาร่วงเลยเข้าสู่ตีหนึ่งก็ยังนอนตาค้าง
คงเพราะแปลกที่แปลกทางตกกลางคืนจึงนอนไม่หลับ
ทำแค่ขยับตัวไปมาจนผ้าเสียดสีกันเกิดเสียงสวบสาบ
พยายามข่มตาขณะหัวหนุนหมอนนอนตะแคงและเปลี่ยนเป็นนอนหงายเอามือก่ายหน้าผาก
หลังจากลองนับแกะและไม่ได้ผล คนตาแจ้งจึงนอนฟังเสียงแมลงร้องในยามค่ำคืน แต่แล้วก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหันทันทีที่ได้ยินเสียงย่างก้าวท่ามกลางความเงียบสงัด
สำหรับบ้านไม้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะส่งเสียงดังไปเสียหมด
แล้วคนนอนอยู่ด้านในห้องรับรองก็เหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินวนไปวนหน้าอยู่หน้าห้องของตัวเองและพาลคิดไปถึงเด็กผู้หญิงปริศนาแทนที่จะคิดว่าเป็นวิญญาณหรือพวกเหนือธรรมชาติอะไรทำนองนั้น
ชานยอลไม่ใช่คนขวัญอ่อนแต่ก่อนจะเปิดประตูออกไปเผชิญหน้า
หนุ่มใหญ่เสียเวลากับการทำตัวย่องเบาไปไม่น้อย กลัวว่าการบุ่มบ่ามจะทำให้คนอีกด้านของประตูตกใจแล้วเตลิดหนีไป
แต่เมื่อลองเปิดประตูจริง ๆ กลับไม่พบแม้แต่มวลสารใด ๆ ไม่มีแต่เงาหรือควันเทาจาง
ๆ
เกือบจะคิดว่าคงโดนสิ่งลี้ลับหลอกหลอนเข้าให้อย่างที่สหายกล่าวไว้
ถ้าเผอิญไม่ตาไวเห็นชายกระโปรงลากยาวละพื้นไปตามขั้นบันไดวนอย่างรีบร้อนและตอนถึงขั้นบันไดล่างสุด
ร่างเล็กกลับหยุดยืนเฉยแล้วเงยหน้ามองชั่วครู่ ส่วนหนุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นสูงสุดกำลังลังเลว่าจะเอาอย่างไร
แต่พอเห็นอีกคนออกเดินอีกครั้ง ใจก็สั่งให้เดินตามสลับกับวิ่งเป็นระยะ
เมื่อก่อนเคยภูมิใจกับช่วงขายาวของตัวเองแต่มาวันนี้กลับวิ่งตามเด็กไม่ทันเสียอย่างนั้น
สงสัยเป็นอิทธิฤทธิ์ของนางไม้ที่ชำนาญการเดินป่ากว่าภูตผีตนไหนละมั้ง หนุ่มใหญ่มัวแต่ไล่ตามไม่หยุดหย่อน
กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าอยู่กลางป่าก็ตอนฝ่าเท้าสัมผัสได้ถึงความชื้นของไอดินกับน้ำค้างบนยอดหญ้า
ชานยอลหยุดชะงักเมื่อแผ่นหลังเล็กกลืนหายไปกับความมืด
มีแค่ตัวเองที่ยืนโดดเด่นเป็นเสมือนต้นไม้อีกต้นท่ามกลางต้นไม้ขนาดสูงใหญ่กว่าหลายเท่า
ชายผู้หลงทางยืนต้านลมหนาว
ก่อนแรงลมจะทำให้พวกใบไม้พร้อมใจกันสั่นไหวและโหยหวนราวกับกำลังต้อนรับการมาเยือนของแขกคนสำคัญ
แล้วตอนนั้นเองแสงจันทร์ก็ทำให้นัยน์ตาดำด้านเห็นชายกระโปรงขาวปลิวไสวออกมาจากหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง
รวมถึงเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่โผล่ออกมามองอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ และหวาดระแวง
นัยน์ตาสีเบียร์มองสำรวจคนแปลกหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เดี๋ยวก่อนสิ” และตอนที่ทำท่าจะเดินเข้าใกล้
ร่างเล็กกลับตระหนกแล้วรีบย้ายไปหลบหลังต้นไม้อีกต้น จนชานยอลชักหงุดหงิด คิดเอาเองว่ากำลังโดนเด็กปั่นหัวเล่น “นี่ฉันไม่สนุกด้วยนะ” ประกาศกร้าวเสียงดัง แถมชักสีหน้าดุ
ให้รู้กันไปเลยว่ากำลังหัวเสียไม่น้อย
แล้วมันก็ได้ผล… ร่างเล็กยอมเดินออกจากหลังต้นไม้ แต่ไม่ใช่แค่เดินออกมาธรรมดา ๆ มือขาวค่อย
ๆ ปลดชุดตัวยาวลงจากบ่าแคบ เลิกเล่นซ่อนแอบแล้วเปิดเผยตัวตนจนเห็นทรวดทรงองเอวนาฬิกาทราย
“เดี๋ยว…”
เปล่งเสียงห้ามได้ไม่เต็มปากนักเพราะกำลังงุนงง
ตกลงร่างเล็กเป็นเด็กผู้ชายที่สวมใส่เสื้อผ้าผู้หญิงหรอกเหรอ คนประจักษ์แจ้งยืนนิ่งอึ้งไปเพราะได้เห็นอวัยวะเพศเช่นเดียวกับที่ตัวเองมี
ต่างกันก็แค่ที่เรื่องของขนาดเท่านั้น “เธอ…”
ต่อ
ต่อ
ชานยอลอึกอัก นึกไม่ออกว่าตัวเองอยากจะพูดอะไรต่อ
ยิ่งพอสองขาขาวก้าวข้ามชุดที่หล่นลงแทบเท้าและเดินตัวเปล่าเล่าเปลือยเข้ามาหาโดยมีแสงจันทร์ฉายไฟตามมาติด
ๆ ก็อดจะจินตนาการในเชิงอกุศลด้วยไม่ได้ ยอมรับว่าเป็นผู้ชายชอบของสวย ๆ งาม ๆ และเคยร่วมหลับนอนกับคนอายุน้อยกว่ามาบ้างเหมือนกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนล้วนเป็นแม่พันธุ์ที่มีเต้านม
แต่เดิมไม่ได้มีรสนิยมชายรักชาย ไม่ได้พิสมัยเพศเดียวกัน
นั่นคงเพราะยังไม่เคยได้พบเจอกับความงดงามที่แท้จริงต่างหาก
ยิ่งได้กลิ่นหอมจาง ๆ โชยมาอาการไม่ต่างจากคนมึนเมา หูอือตาลายคล้ายจะมีอาการประสาทหลอนร่วมด้วย
เจอความสวยของเห็ดป่าก็อยากจะลองเด็ดมากินโดยไม่ชะล้าใจว่าจะมีพิษหรือเปล่า ชานยอลไม่แน่ใจนักว่ามันคือกลิ่นแป้งหรือดอกไม้
แต่ที่มั่นใจอย่างมากคือกำลังมีอารมณ์กับเด็กคราวลูก
ร่างเล็กที่สูงไม่พ้นช่วงไหล่ยกมือลูบไล้บ่ากว้างอย่างสำรวจ
ถือวิสาสะตรวจความแน่นของกล้ามหน้าท้องด้วยการเอาฝ่ามือทาบ จับต้องร่างกายตรงหน้าด้วยความสนอกสนใจราวกับว่าชานยอลเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เพิ่งค้นพบ
มีการลองเอาหูแนบอกหนาเพื่อฟังเสียงจังหวะหัวใจเต้นแล้วเอนตัวซบ โน้มตัวและสวมกอดตอนที่คนอายุเยอะกว่ามากไม่ว่าอะไร
ทุกการกระทำแสนอันตรายตกอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด มือกร้านยังแนบอยู่ที่ตะเข็บกางเกงนอนในยามที่เด็กน้อยคลอเคลียพวงแก้มกับอกซ้ายเพื่อแสวงหาไออุ่น
ทั้งที่เลยช่วงวัยว้าวุ่นมาหลายปีดีดัก แต่ก็ยังไม่วายหวั่นไหวกะอีแค่เพราะแก้วตาใสแจ๋วช้อนมอง
ชานยอลตัดสินใจยกมือแตะหัวไหล่มนแล้วดันคนตัวเล็กกว่าออกห่างอย่างช้า
ๆ ตั้งใจว่าจะถามถึงชื่อเสียงเรียงนามและถามหาเหตุผลเพราะใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าทำไมถึงได้กล้าเปลือยกายต่อหน้าคนไม่รู้จักมักจี่แบบนี้
แต่อีกใจกลับบอกว่าให้ช่างพิธีรีตองวุ่นวายไปเถอะ อุตส่าห์เจอของดีกลางป่า
ถ้าปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเสือ
ช่างความถูกต้องแล้วลองพินิจพิจารณา
สุดท้ายแรงตัณหาก็ชนะคำว่าศีลธรรมด้วยคะแนนที่ขาดลอย
เรื่องราวลงเอยที่ชายอายุมากแพ้ทางและปล่อยให้เด็กเข้ามามีอิทธิพลในความคิด
รวมถึงเริ่มเข้าใจหัวอกพวกกามวิตถารที่ชอบมีเซ็กซ์กับเด็กรุ่นราวคราวหลานมากขึ้นตามลำดับและต่อให้บำเพ็ญเพียรภาวนามานานดั่งเช่นพระสงฆ์องค์เจ้า
ก็ไม่มีอะไรรับรองว่าจะไม่ตบะแตกเพราะเรื่องคาวโลกีย์เข้าสักวัน
ก่อนจิตใจหนุ่มใหญ่จะถูกความไวไฟของคนอายุน้อยกว่าเล่นงานอย่างจัง
มัวแต่ยืนชั่งใจจนเปิดโอกาสให้เด็กที่ช่างแก่แดดแก่ลมและใจกล้าเกินวัยเขย่งปลายเท้าจนความสูงเพิ่มขึ้นหลายเซนติเมตรและพอให้กลีบปากสัมผัสกับความหนาที่ห้อยย้อยลงมาอย่างเป็นใจ
ริมฝีปากที่อวบกว่าของชานยอลเอื้อความสะดวกให้กับคนความสูงน้อยจนพลอยได้ตวัดลิ้นแตะกลีบปากล่าง
กระต่ายขาสั้นดันอยากกินผลไม้ที่อยู่สูงเพราะเชื่อว่าเป็นลูกที่หวานที่สุด จึงเหยียดขาสุดความยาว
แต่นานเข้าเป้าหมายก็ยิ่งเคลื่อนห่างออกไป เด็กน้อยหารู้ไม่ว่ากำลังถูกผู้ใหญ่กลั่นแกล้ง
ทีแรกยอมอ่อนข้อให้แต่แล้วก็เคลื่อนใบหน้าขึ้นทีละนิดจนร่างเล็กหมดสิทธิ์ไล่ตาม
ต้องหดตัวกลับอย่างเก่าและยืนก้มหน้ามองปลายเท้าด้วยความเศร้าสร้อย
ไม่บ่อยนักที่ชานยอลจะเกิดความเอ็นดูกับใครสักคนและคน
ๆ นั้นก็ดันเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความปรารถนาอันแรงกล้า หนุ่มใหญ่หลุบตามองสองมือเล็กที่กำชายเสื้อตนไว้ด้วยสายตายากจะคาดเดาเจือความเจ้าชู้ระหว่างรับรู้ได้ถึงการบีบตัวของแก่นกาย
อวัยวะเพศเกิดการขยับขยายภายใต้ความเงียบงัน ดันกางเกงชั้นในราวกับกำลังมีใครเติมลมให้กับลูกโป่งแฟนซี
ความหน่วงถ่วงสมองให้จดจ่อแต่กับเรื่องใต้สะดื้อจนผลีผลามสอดสองมือกร้านเข้ากุมแก้มเนียน
บังคับให้เชิดคางแล้วบดเบียดกลีบปากกับอวัยวะอย่างเดียวกันอย่างแนบแน่นจนมันผิดรูปผิดร่าง
การจูบอย่างลึกซึ้งนำพาเกลียวลิ้นมาพบกันครึ่งทาง
เพื่อนใหม่ทำความรู้จักกันและพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นคนรู้ใจภายในเวลาไม่กี่วินาที
สนิทสนมจนกล้าที่จะกระทำการจาบจวงอย่างหื่นกระหาย ความมืดไม่ช่วยอำพรางท่าทางตะกละตะกลามของชานยอลที่ไล่งับริมผลเชอรี่แดงก่ำ
ดูดดุนจนกว่าความหวานอมเปรี้ยวจะหมดไปในขณะที่เด็กน้อยเองก็พยายามจูบตอบอย่างเก้ ๆ
กัง ๆ จำวิธีมาจากในคราวก่อน ๆ ถูกสอนมาอย่างไรก็ถ่ายทอดไปอย่างนั้น
แต่ความรุนแรงที่ถาโถมเข้าใส่ก็ทำร่างเล็กเกินจะต้านทานไหว
ห่อไหล่หายใจหอบ จากสมยอมเริ่มบ่ายเบี่ยง เอียงหน้าหลบอย่างเอาแต่ใจ แสดงนิสัยแบบ ‘เด็กพิเศษ’ ที่ใครเห็นคงไม่ชอบนัก แต่สำหรับนักล่าไม่ว่าเหยื่อจะมาในรูปแบบไหนก็รู้วิธีจัดการอย่างแยบยล
ชานยอลหิวโหยเหมือนคนไม่เคยมีอาหารอะไรตกถึงท้องมาก่อนและตอนนี้ก็พร้อมจะกระโดดลงสู่หลุมพราง
ไม่สนหากแม้ทางข้างหน้ามีกับตะปูเรือใบรออยู่ รู้แค่ว่าปัจจุบันมันช่างหอมหวานเพียงไร
จมูกโด่งซุกไซ้ดวงหน้าขาวลากยาวถึงช่วงลำคอระหง ป้ายน้ำลายสกปรกบนผิวเนียน ซ้ำยังชักชวนเด็กทำเรื่องน่าเกลียด
อย่างการให้จับความเป็นชายที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ร่มผ้า
ยามที่ฝ่ามือเล็กสัมผัสของลับ ฝ่ามือกร้านเองก็ลูบคลำตามผิวกายละเอียดไปด้วย
บีบผิวสวยและความเนียนนุ่มที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนอย่างหลงใหล ช่วงแขนยาวเปลี่ยนเป็นไม้เลื้อยพันรอบเอวคอด
กอดไว้แล้วยกร่างเล็กขึ้นมายืนบนเท้าด้วยท่อนแขนเดียวอย่างง่ายดาย
ทำลายระยะห่าง ล่นระยะทางแสนไกลให้กลายเป็นใกล้จนหายใจรดกัน
ชานยอลยอมให้ร่างเล็กนวดคลึงของสงวนแลกกับการลวนลามที่อุกอาจ
เสียงหอบหายใจหนัก ๆ เริ่มดังชัดขึ้นระหว่างขยำผิวลื่นเล่น ใช้ฝ่ามือเค้นก้นงอนอย่างหนักหน่วง
การล่วงเกินแสนป่าเถื่อนนำมาซึ่งเสียงครางอืออึงอย่างเคลิบเคลิ้มและผู้ใหญ่ก็ได้พบว่าเด็กน้อยมีกล่องเสียงที่ไพเราะแค่ไหน
พอติดใจก็อยากได้ยินเสียงที่ดังกว่าเดิม เพิ่มแรงบดที่ง่ามนิ้วจนผิวบางเกิดรอยแดงเป็นปื้น
กลางค่ำกลางคืนมีเสียงของหนักตกลงบนพื้นดินถึงสองครั้ง
เสียงแรกเป็นของร่างเล็กที่ล้มลงนอนหงาย อ้าขาไม่อายฟ้าอายดิน
ส่วนอีกเสียงที่ได้ยินเป็นของหนุ่มใหญ่ที่ทรุดกายลงกว้างหว่างขาขาวโพลน
มือกร้านรีบถอดอาภรณ์ท่อนล่างเพื่อปลดปล่อยแก่นกายให้เป็นอิสระจากความอึดอัดก่อนจะพบว่าขนาดของตัวเองนั้นกำลังจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตอันใกล้
คิดเผื่อไปถึงตอนร่วมรัก บวกกับเห็นแววตาใสซื่อของร่างเล็กที่กำลังนอนมองมาแล้วก็เกิดความละอาย
เหมือนจะได้สติกลับคืนมาแต่ว่ามันบางเบายิ่งกว่าเปลวไฟบนก้านไม้ขีดเสียอีก
ยิ่งถ้าไม่รีบถอยห่างออกจากสิ่งยั่วยุ กิเลสตัณหาที่ซุกตัวอยู่ในสันดานก็พร้อมจะกลับมาทุกเมื่อและเพื่อรักษาความสดใสของเด็กคนหนึ่งไว้
ชานยอลเกิดกลับใจก่อนจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ ขณะร่างเล็กไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ลุกขึ้นนั่งทับขายกนิ้วแตะระหว่างคิ้วที่ขมวดด้วยความสงสัย
แล้วไล่ปลายนิ้วกับสันจมูกโด่งลงผ่านปาก จนถึงคางเรื่อยมายังกลางหว่างอก
ก่อนมือหนึ่งจะฉกฉวยอวัยวะสืบพันธุ์ขนาดใหญ่อย่างไม่มีอาการแตกตื่นใด
ๆ แค่นั่งมองมือตัวเองขยับสาวตามความยาวด้วยนัยน์ตาเหม่อลอย แล้วความหม่นในแววตาก็ค่อย
ๆ หลบฉากให้ความไร้เดียงสาเข้ามาที่ กลับมามีชีวิตชีวาระหว่างใช้อีกมือเลิกชายเสื้อยืดรัดรูปขึ้นแล้วยื่นปลายลิ้นแตะกับตุ่มไตสีเข้ม
ห่อลิ้นยามลิ้มรสชาติความเค็มปะแล่ม ๆ ร่างเล็กแย้มยิ้มหยอดย้อยขณะแทะเล็มความกลมทีละนิดทีละหน่อยแล้วค่อยลองดูดดุนเล่นจนเกิดเป็นความเพลิดเพลิน
เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ โดยหารู้ไม่ว่ากำลังทำให้ชายอีกคนเป็นทุกข์จากความสุขของการถูกปรนเปรอ
ต้องอดทดอดกลั้นกับความต้องการที่ตีตื้นขึ้นมา ความปรารถนามันเหมือนกรดไหลย้อน
มันทำเอาแสบร้อนไปทั้งทรวง
“อยากให้ฉันทำแบบนี้ใช่ไหม…”
จู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยถามถึงความสมัครใจพร้อมยื่นมือสัมผัสอกน้อย
ๆ โดยไม่ขออนุญาต บีบเนินนมขาวและลอบสังเกตอาการที่ชะงักไปราวกับโดนไฟช็อต ชานยอลเพิ่มน้ำหนักมือเพื่อกระตุ้นให้ร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าจนผมบังตาพูดด้วย
“ตกลงชอบแบบนี้หรือเปล่า”
แต่เด็กน้อยทำแค่พยักหน้าแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ผงกหัวน้อย
ๆ แทนการตอบว่าชอบ
“หล่อ…”
คำแรกที่เสียงหวานเลือกเปล่งออกมาทำเอาคนได้ยินประหลาดใจและหลุดหัวเราะ
“เหตุผลแค่เพราะฉันหล่อหรอกเหรอ”
“หล่อ” ร่างเล็กย้ำคำเดิมอีกรอบเมื่อเข้าใจว่าคนฟังกำลังชอบใจ
มองรอยยิ้มกว้างด้วยนัยน์ตาเป็นประกายพลางยกมือขึ้นกุมใบหน้าสมสัดส่วนราวกับต้องมนต์สะกด
แล้วจรดริมฝีปากกับปลายคางก่อนถอยออกมานั่งหน้าแดงก่ำ
เขินอายราวกับคนกำลังมีความรักและยอมเอนตัวลงนอนอีกครั้งขณะมีเงาดำขนาดใหญ่พาดผ่านร่างกาย
“ฉันมีดีกว่าหล่อนะรู้ไหม” แล้วชายที่เคยกลัวโดนตั้งข้อหาก็ตัดสินใจฝ่าฝืนกฎหมาย ชานยอลถอดเสื้อยืดทันทีที่อยากจะแสดงให้ร่างเล็กเห็นว่าตัวเองไม่ได้เด่นแค่เรื่องหน้าตา
ลีลารักก็ไม่เป็นสองรองใคร
สายตาเจ้าเล่ห์ไล่มองร่างขาวผ่องที่หมองไปเล็กน้อยเพราะเศษดินสกปรก
แล้วก้มลงจูบแถวกกหูขาว แทนที่จะเลือกจู่โจมอย่างรวดเร็วเหมือนในคราวแรกกลับให้เวลาร่างเล็กได้คุ้นเคยกับความรู้สึกแปลกใหม่
แค่ลดริมฝีปากลงงับตามผิวกาย พ่นลมหายใจเย็นชืดใส่ระหว่างรอไปพลาง ๆ จนร่างเล็กเริ่มนอนหลังไม่ติดพื้น
เผลอแอ่นหน้าอกขึ้นทุกครั้งที่รู้สึกใจหายวาบ
ชานยอลจูบละทาง ตั้งแต่กลางหว่างอกลงต่ำสู่บริเวณหน้าท้องที่ขยับตามจังหวะการหายใจที่ผิดปกติ
ถึงจะมีประสบการณ์บนโลกมนุษย์ไม่เท่ากับอีกคนและบ่อยครั้งสับสนกับความรู้สึกตัวเอง
แต่ร่างเล็กก็พอรู้อยู่บ้างว่าต้องทำอย่างไรความทรมานพวกนี้ถึงจะอันตรธานหายไป
ใครบางคนชอบพูดว่าความอยากแก้ได้ด้วยการลงมือทำ …ยามที่ของสงวนถูกโพรงปากร้อนชื้นครอบครอง
ดวงตาหยาดเยิ้มนอนมองผืนฟ้าที่วันนี้ไม่มีดาวสักดวงด้วยจิตใจที่เต้นระส่ำ กำมือไว้กับอกขณะที่รู้สึกเหมือนมีนกนับพันตัวบินว่อนในท้อง
ชานยอลลอบมองสีหน้าเป็นสุขจากหว่างขาขาว ระหว่างช่วยรีดน้ำออกจากความบวมเป่งก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักมือที่ขยุ้มเส้นผม
ดูเหมือนเด็กน้อยจะคล้อยตามการเล้าโลมจนได้และนอนบิดกายไปมา อ้าปากพะงาบ ๆ มีเสียงครางแผ่ว
ๆ ลอดมาตามกลีบปากที่เผยอ
แต่เผลอแป๊บเดียวช่องว่างก็ถูกริมฝีปากหนาอุด
ลิ้นใหญ่ดุนปากที่บวมเจ่อจนเปื่อยยุ่ย
ตอนที่ลมกรรโชกแรงพัดผุยผงของเศษดินให้ปลิวว่อน สองกายล่อนจ้อนนอนกอดกันไว้เพื่อผ่านความเลอะเทอะไปด้วยกัน
“อ๊ะ…”
นิ้วที่ไม่ประสงค์ออกนามรุกล้ำเขตหวงห้ามอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สอดใส่นิ้วแรกแล้วแหวกซอกหลืบให้กับนิ้วที่สองและสามตามลำดับ
จนเป็นเหตุให้ร่างเล็กผวา ทำท่าจะดิ้น แต่ติดที่ว่าผู้ใหญ่ควบคุมสถานการณ์ได้ดี
ชานยอลเอ่ยคำขอโทษและคำสั้น ๆ ก็มีอิทธิพลพอจะทำให้คนหวาดกลัวอยู่ในโอวาท
ที่แตกตื่นก็เพราะไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน
ไม่เคยถึงขั้นตอนนี้เลยสักครั้ง
เพิ่งจะได้รู้จักกับความปวดร้าวไปทั้งโคนขาเป็นครั้งแรก
เด็กน้อยรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกแยกส่วนเป็นสองชิ้น ส่วนผู้ใหญ่ก็ค้นพบว่าภายในช่องทางสีหวานไม่มีพื้นที่ว่างให้แก่นกายได้ดิ้นรนและโดนผนังอุ่นร้อนรุมตอดอย่างบ้าคลั่ง
สิ่งแปลกปลอมถูกความหนาแน่นห้อมล้อมไว้จนต้องชะงักไว้กลางทาง พักยกเพื่อช่วยเช็ดหน้าให้กับคนนอนน้ำตาไหล “ชู่ว…”
“เจ็บ” ร่างเล็กฟ้องทั้งน้ำตาแล้วโน้มคอชานยอลลงมากอด
“งั้นเราพอแค่นี้กันดีไหม” ชายผู้พ่ายแพ้ให้กับน้ำตาเสมอรีบถามและสัมผัสได้ว่าอีกคนกลิ้งคางไปมากับบ่าจนไม่รู้คำตอบแน่ชัดว่าตกลงเลือกอะไร “นี่ ขอฉันมองหน้าหน่อย”
วงแขนเล็กยอมปล่อยคนที่กอดให้เป็นอิสระ “ตกลงทำหรือไม่ทำ”
ชานยอลเปลี่ยนคำถามใหม่ ลดความซับซ้อนลงให้มากที่สุดเพื่อตัวคนตอบเอง เพราะใช่ว่าจับความเป็นเด็กพิเศษของอีกคนไม่ได้
เด็กชายผู้พิกลพิการทางสติปัญญากำลังจะทำให้ชายสติดีเป็นบ้าในที่สุด
จะให้หยุดหรือทำอะไรต่อก็ไม่เลือกพูดออกมาสักคำ
ชานยอลจึงตัดสินใจลงมือทำอะไรโดยพลการ ดันแก่นกายฝ่าความคับแคบอีกครั้งท่ามกลางเสียงครวญครางลากยาว
ร่างเล็กกรีดร้องแผ่วเบาคลอไปกับการเขยื้อนเข้าออกอย่างเชื่องช้า
จิกเล็บมือกับหน้าดิน จิกเล็บตีนกับหญ้าขณะที่ความใหญ่โตถดถอยออกเพียงช่วงสั้น ๆ แล้วดันกลับเข้าไปใหม่รวดเดียว
ร่างเล็กนอนถ่างขาอยู่กึ่งกลางระหว่างความเสียวซ่านกับความทรมานจับใจ
น้ำตาไหลรินหยดแล้วหยดเล่าจนทำให้ชานยอลรู้สึกว่ากำลังเข้าข่ายขืนใจเด็กไปทุกขณะ
แต่จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ แทนที่จะล้มเลิกการทำผิดศีลธรรมไปซะ เสียงทุ้มต่ำกลับกระซิบกระซาบข้างใบหูเล็กว่าอดทดหน่อยนะ
ช่วงแรกอาจจะเจ็บปวดรวดร้าวสักหน่อยแล้วเดี๋ยวทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น ริมฝีปากหนาจูบซับตามกรอบหน้าที่เริ่มมีเหงื่อชื้นซึมประปราย
ส่วนหนึ่งก็เผื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งมันก็ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด เด็กน้อยหลงกลอุบายของปีศาจแฝงฝันจนหยาดน้ำตาค่อย
ๆ เหือดแห้ง ระหว่างหลับตาแลกน้ำลาย พรหมจรรย์ก็ถูกคร่าอย่างไม่ปรานี
พอลองขยับบ่อย ๆ อะไรต่อมิอะไรก็เริ่มลงล็อก
เกิดสภาพคล่องเอื้อต่อการเคลื่อนไหวเข้าออกจนสามารถเพิ่มความเร็วได้
แก่นกายทำลายความฝืนเคืองจนสิ้นซาก ซ้ำยังกระทบกระทั่งกับผนังอ่อนนุ่มอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงขึ้นในทุก
ๆ วินาทีที่สติถูกบั่นทอน
ภาพร่างอ้อนแอ้นนอนบิดเร้าทำเอาคนเฝ้ามองแทบคลั่งและยากจะยั้งใจไม่ให้กระทำรุนแรง
ท่อนแขนหนารีบช้อนใต้ข้อพับขาที่แหวกออกแล้วล็อกมือเหนือสะโพกผาย บังคับให้ร่างเล็กเขยื้อนกายเข้ามารับแรงกระแทกอย่างพอเหมาะพอเจาะและเพราะว่าความอดทนต่ำกว่า
ไม่แปลกที่เด็กจะเกิดการปลดปล่อย แผ่นหลังเลอะกระตุกลอยขึ้นจากพื้นพอดีกับมีมือหนึ่งยื่นมาบีบเนินนมที่ตั้งเต้า ก่อนจะเข้าใจเสียใหม่ว่าเป็นริมฝีปากเมื่อสัมผัสได้ถึงปลายฟัน
ชานยอลฉุดร่างเล็กขึ้นมานั่งบนหน้าขาแล้วละเลงลิ้นลงบนตุ่มไตที่แอ่นให้ดูดอย่างลืมตัว
เด็กน้อยเรียนรู้ที่จะมีชีวิตรอดโดยอาศัยสัญชาตญาณเป็นหลัก ปล่อยร่างกายไปตามกลไกที่ถูกวางระบบไว้จนกิริยาไม่ต่างอะไรกับโสเภณีผู้ร่านรัก
ยังไม่ประสาเหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือเสน่ห์อันแพรวพราวที่เกิดขึ้นรวดเร็วราวกับเสกได้
ดอกไม้บานสะพรั่งเพราะได้ทั้งดินและน้ำรินรดอยู่ตลอดเวลา
น้ำแรกแตกคาช่องทางลับนำพาความฉ่ำเยิ้มมาสู่ซอกหลืบ
ชานยอลถอนแก่นกายออกในไม่กี่วินาทีถัดมาแล้วช่วยร่างเล็กจัดแจงท่วงท่าใหม่
ๆ กลับไปเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เดินสี่ขาหรือท่าหมาอย่างที่ใครเขาเรียกกัน มือกร้านช่วยปัดเศษดินตามผิวกายละเอียดออกให้แบบขอไปที
เพราะไม่มีเวลามากนักจิตใจกำลังเตลิดเกินกว่าจะมานั่งทำอะไรอย่างประณีต ก่อนอวัยวะสืบพันธุ์ที่จ่อประชิดหว่างขาจะมุดหายเข้ากลีบเมฆ
เร่งเครื่องไม่นานรถก็สตาร์ทติดอย่างง่ายดาย ทั้งที่รู้เรื่องกฎหมายการจราจรดีแต่กลับขับขี่ด้วยความเร็วเกินกว่ากำหนด
เหมือนรถที่เบรกแตกลงทางลาดชั้น รีบจับต้นขาเล็กไว้มั่น รั้งให้หยัดอยู่กับที่เดิมเมื่อแรงกระแทกกระทั้นเริ่มทำให้ร่างเล็กกระเถิบห่างออกไป
เด็กน้อยยันหน้าผากไว้กับต้นไม้ยามร่างกายสั่นสะเทือนเกินควบคุม
ฝ่ามือเล็กบุ๋มไปกับหน้าดินบ่งบอกว่าการร่วมรักเริ่มกินเวลาเข้าไปเรื่อย ๆ จนเมื่อยไปทั้งแขน
หมาบ้านแหงนคอหอนเสียงดังลั่นป่าทั้งที่ไม่ใช่คืนวันพระจันทร์เพ็ญ ยิ่งใกล้เสร็จสมอารมณ์หมายเท่าไหร่ยิ่งได้ยินคำพูดไม่เป็นภาษายากจะถอดความ
เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอผสานกับเสียงหวานจนกลายเป็นท่วงทำนองไพเราะที่ฟังแล้วไม่รู้เบื่อขณะนัยน์ตาเยิ้มเงยมองใบไม้เหนือหัวด้วยความสงสัยว่ามันขยับอยู่ใช่ไหมหรือเป็นเพราะตัวเองถูกแก่นกายชักนำจนเห็นอะไรขยับไปเสียหมด
น้ำสองหลั่งรดบนแก้มก้นซ้ายแล้วไหลลงตามแนวดิ่งทิ้งตัวอย่างเชื่องช้า
ส่วนคนไวกว่าไปถึงไหนต่อไหน ชานยอลไม่รอให้ร่างเล็กได้พักหายใจหายคอ ผู้ใหญ่มักมากขอต่อรอบใหม่แต่ก็ไม่ลืมนึกถึงใจเด็กที่เล็กเกินกว่าจะจินตนาการภาพท่าทางสัปดนเองออก
นัยน์ตาสีเบียร์หันมองใบหน้าด้านข้างของคนช่วยจัดท่าทางอีกครั้งระหว่างยกแขนโอบรอบต้นไม้
ก่อนสองริมฝีปากที่อยู่ใกล้กันเหมือนน้ำมันกับไฟจะแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว ชานยอลยันฝ่ามือหนึ่งกับต้นไม้ตอนเล่นน้ำลายเป็นเด็ก
ตวัดปลายลิ้นกับลิ้นเล็กอย่างชำนาญแล้วค่อยดันไอ้นั้นเข้าในหว่างก้นและการเดินทางสุดรัญจวนใจก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ความต้องการไม่ได้เกิดแล้วดับไปเหมือนร่างกายมนุษย์
มันคงอยู่และพร้อมประทุตลอดเวลา
ตัวอย่างก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง
กลีบปากต่างขนาดคลายความแน่นให้หลวมแล้วคืนอิสระให้กัน
ร่างเล็กโอบกอดต้นไม้ไว้แน่นราวกับมันเป็นหมอนข้างแล้วหลับตาลงเพื่อที่จะฝันถึงวันอันแสนยาวนานที่เต็มไปด้วยความโสสมและส่งเสียงละเมอไม่ต่างจากจิ้งหรีดที่ร้องระงมในป่า
ชานยอลเองก็หลับตาดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนหวาน
ฟาดมือกับก้นงอนเป็นบางครั้งระหว่างเคลื่อนสะโพกสอบ เสือกแก่นกายเข้าไม่ออมแรงจนผิวบริเวณรอบช่องทางคับแคบแดงระเรื่อเจือความบอบช้ำ
ท่ามกลางป่าดงพงไพรเสียงลมหายใจกระชั้นชิด
มันดังถี่ขึ้นและถี่ขึ้นจนแม้แต่ตัวเองยังได้ยินเสียงของตัวเองชัดเจน
เสียงกัดฟันกรอดเด่นชัดอยู่ในโสตประสาท
ขนาดเสียงเหงื่อหยดลงบนดินยังดังกังวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แล้วเมื่อค่อย ๆ ลืมตา …ท้องฟ้าก็ถูกบดบังด้วยเพดานไม้
ตอนนั้นเองที่หนุ่มใหญ่หายเคลิบเคลิ้มกับความสุขแล้วลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งและรีบควานมือหาอีกร่างที่เมื่อคืนจำได้ว่ายังนอนอยู่ตรงนี้
พอดีกับที่มีเสียงเคาะประตูห้องจากด้านนอกเบา ๆ แต่เจ้าของนัยน์ตาดำด้านทำเพียงนั่งมองความว่างเปล่าพลางเสยผมเผ้าที่ยุ่งอย่างลวก
ๆ
จนมีเศษดินร่วงกร้าวลงมาจากฝ่ามือ
ถ้าหากไม่มีเศษดินติดตามตัวกับเสื้อผ้ามาก็คงจะนึกว่าเรื่องทุกอย่างเป็นเพียงความฝันของผู้ชายช่างจินตนาการ
คราบดินที่แห้งกรังเต็มสองฝ่าเท้าช่วยยืนยันได้อีกแรงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในป่านั้นเป็นความจริง
ลองเอามือทาบกับผ้าปูที่นอนก็ยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนของอีกคน
‘ตื่นได้แล้วไอ้เสือ’ ชานยอลกลับคืนสู่ปัจจุบันได้เพราะสหายพยายามปลุกจนคอแห้ง
“ตื่นแล้ว ๆ ขออาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวฉันตามลงไป”
ตะโกนกลับเพื่อทำให้เพื่อนหายเป็นกังวล
รอจนได้ยินเสียงเดินจากไปถึงได้ลุกจากที่นอน ชานยอลเดินถอดเสื้อเข้ามาในห้องน้ำและหันหลังกลับเพื่อเหลือบมองรอยข่วนสดใหม่ผ่านเงาในกระจก
มันเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ร่างเล็กฝากไว้ในยกถัดมาและดูท่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะจาง
แต่ถ้าให้เลือกระหว่างตื่นมาเจอร่องรอยที่เกิดจากการร่วมรักกับมีอีกคนนอนอยู่ข้าง
ๆ หนุ่มใหญ่ที่เพิ่งเดินตัวเปียกออกมาสวมชุดใหม่จะเลือกอย่างหลัง
ชานยอลก้าวลงบันไดวนมายังด้านล่างอย่างรีบร้อนและดันเจอเพื่อนกวักมือเรียกจากในห้องทานอาหารเสียก่อน
ความตั้งใจที่จะออกไปตามหาร่างเล็กจึงมีอันต้องพับเก็บใส่กระเป๋า
ช่วงขายาวเดินเข้าใกล้โต๊ะทานข้าวทุกขณะ
แต่ว่ากว่าจะไปถึงก็ต้องผ่านตู้โชว์ของมากมาย ทั้งที่เมื่อวานเดินผ่านไปแล้วหลายรอบ
เพิ่งจะมาสะดุดตากับกรอบรูปบานเล็ก ๆ อันหนึ่งที่วางอยู่กึ่งกลางระหว่างภาพทิวทัศน์
ชานยอลเดินถอยหลังกลับมาที่หน้าตู้กระจกแล้วถือวิสาสะเปิดประตูเพื่อหยิบกรอบรูปบานนั้นมาดูใกล้
ๆ และได้เห็นใบหน้าแสนคุ้นตาทำสีหน้ารีบเฉยขณะในมือกำก้านดอกไม้ ราวกับตากล้องตามเดินถ่ายแล้วอาศัยจังหวะหันกลับมามอง
ภาพจึงออกเป็นแนวกำลังเผลอ
“ดูอะไรอยู่วะ” นั่งรอด้วยความหิวจนแสบท้อง แต่เมื่อเพื่อนยังไม่มีท่าจะเดินไปหาสักทีเลยลองเดินมาดู
เหมือนรู้ว่าคนยืนนิ่งไปกำลังต้องการใครสักคนที่พอจะสามารถให้คำตอบได้
“นี่รูปใคร”
ชานยอลถามแล้วมองตามมือที่ฉวยกรอบรูปไปดู
พอเห็นหัวแม่โป้งของสหายลูบใบหน้าเล็กผ่านกรอบบาง ๆ ด้วยความทะนุถนอมแล้วยิ่งฉงน
ลุ้นคำตอบจนตัวโก่ง ผิดกลับเพื่อนที่มีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แววตานั้นแสดงออกถึงความห่วงหาอาลัย ก่อนจะเฉลยทั้งชื่อและความจริงที่แสนน่าใจหายให้ฟัง
น็อคผู้ชายร่างใหญ่ให้มึนงงและไปไม่เป็นชั่วขณะ “แบคฮยอนน่ะ” หัวแม่โป้งยังคงลูบอยู่อย่างนั้น
“หลานชาย ตายไปเมื่อสองปีก่อน”
นัยน์ตาเศร้าสลดมองตามท้ายรถที่ขับออกไปจากตัวบ้านผ่านหน้าต่างซึ่งทำมาจากกระจกและยกมือขึ้นลูบความใสเสมือนได้จับยานพาหนะที่กำลังพาความหวังเดียวจากไป
“ช่วย… ด้วย ช่วยแบ้ก…ด้วย”
เสียงหวานพึมพำท่ามกลางเสียงบางอย่างขูดกับพื้นไม้แผ่วเบา
โซ่เส้นหนึ่งล่ามระหว่างข้อเท้าเล็กกับขาเตียงนอนไว้
มันเป็นบทลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการแอบหนีเข้าไปวิ่งเล่นในป่าแล้วกลับออกมาพร้อมความสกปรกทั้งทางกายและจิตใจ
จากชุดขาวก็เลอะเทอะไปด้วยเรื่องคาวโลกีย์ เนื้อผ้าอย่างดีถูกสีน้ำตาลชโลมจนเปรอะเปื้อน
พันธนาการที่แน่นหนาจะทำให้ร่างเล็กไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไปสักพัก
จึงใช้เวลาว่างทั้งหมดที่มีไปกับสวดภาวนา หวังว่าคนเมืองกรุงจะกลับมาที่นี่อีก
กลับมาพาเจ้าหญิงสติเฟื่องลงจากหอคอย
พานกน้อยกลับคืนสู่ความอิสระ
พยอนแบคฮยอนรอคอยที่จะได้โบยบินอีกครั้ง
เคียงข้างกับชายหนุ่มที่สอนให้รู้จักโลกใบใหม่
ตุ๊กติ๊กทอร์ค
ที่บอกให้อ่านทอร์คด้วยไม่มีอะไรหรอก แค่กลัวจะไม่ได้อ่านฉากเอ็นเครดิต อี้_อี้
ส่วนเรื่องนี้.... ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
แล้วก็ยกมือไหว้เลย อ่านแล้วแท็กให้กันสักอันสองอันก็ยังดีเด้อ
แค่ลงไป45%แรก เจอยอดวิว900กว่าคนเข้าไปแต่ในแท็กมีไม่ถึงสามสิบอันมันเจ็บปวดดดดดดด